~ กระจกไว้ส่องหน้า ปัญญาไว้ส่องใจ ฯ
~ กระทำการไม่เบื่อหน่าย คือเครื่องหมายความสำเร็จ ฯ
~ กลองจะดังก็เพราะตี ศิษย์จะดีก็เพราะครู ฯ
~ กล้าหาญทางกาย คือ เผชิญความตายโดยไม่พรั่น กล้าหาญทางใจ คือไม่หวั่นความรักชัง ฯ
~ กว้างอะไรไม่ยิ่งใหญ่เท่าใจกว้าง
ฯ
~ ก่อนพูดเขียนถ้าใคร่ครวญให้แน่ชัด เวลาจะประหยัดลงเหลือหลาย ฯ
~ ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด พูดแล้วคำพูดเป็นนายเรา ฯ
~ กับผู้ชราเราให้โอกาสผ่อนพัก กับมิตรรักให้ความจริงใจ กับผู้เยาว์วัยให้ความอ่อนโยน
ฯ
~ กายมีศีลสุขล้ำ ใจมีธรรมสุขเลิศ มีทั้งศีลทั้งธรรมจะมีแต่ความล้ำเลิศ
ฯ
~ การเกิดของความเบื่อหน่าย คือความตายของความพยายามฯ
~ การเกิดมีเป็นเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นด้วยตนเอง ฯ
~ การกระทำให้อยู่หน้า การพูดจาให้อยู่หลัง ฯ
~ การกล่าวว่าเขาโกหก ไม่ใช่เรื่องตลกแต่เป็นเรื่องร้ายแรง
ฯ
~ การกระทำบ่งชี้ปัญหา การเจรจาบ่งชี้ความคิด การเพ่งพินิจบ่งชี้ปัญญา ฯ
~ การโกรธเป็นปุถุชนวิสัย การอภัยเป็นวิสัยบัณฑิต ฯ
~ การกินพึงลดให้ต่ำ การปฏิบัติธรรมพึงเพิ่มให้สูง ฯ
~ การขาดศรัทธาที่น่ากลัว คือการไม่เชื่อตัวของเราเอง ฯ
~ การคิดตัดสินใจและใช้เหตุผล เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้นำ
ฯ
~ การคร่ำครวญสะอื้นอ้อน คือเสียงสะท้อนของการสงสารตัวเอง
ฯ
~ การช่วยชีวิตคนหนึ่งไว้
ได้บุญมากกว่าสร้างเจดีย์ใหญ่ไว้หนึ่งองค์ ฯ
~ การเดินทางจะสอนคน
ให้รู้จักผ่อนปรนในชีวิต ฯ
~ การเดินทางหนึ่งหมื่นไมล์ ก็เริ่มต้นด้วยการออกไปด้วยเท้าทั้งสอง
ฯ
~ การเตือนคนฉลาด คืออันตรายและข้อผิดพลาดมากมายของคนเขลา
ฯ
~ การที่คนให้ของแก่ใครไป อย่าเข้าใจว่าคนใจบุญ ฯ
~ การทำความดีมีได้ทุกโอกาส ความประมาททำให้พลาดจากความดี ฯ
~ การนิ่งฟังถูกจังหวะ เป็นศิลปะอย่างหนึ่งของการสนทนา ฯ
~ การบังคับคนให้ทำสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ นับว่าหนักไปกว่าการลงโทษ
~ การประจบประแจงคือ
สิ่งสำแดงของความเป็นทาส การประจบผู้มีอำนาจ เป็นธรรมชาติของโลกียชน ฯ
~ การปรารถนาถึงสิ่งที่เราไม่มี ทำให้สิ่งดีที่เรามีถูกมองข้ามไป
ฯ
~ การป้ายความผิดให้คนบริสุทธิ์ บาปเหมือนฆ่ามนุษย์ที่ไร้เดียงสา
ฯ
~ การเป็นศัตรูขึ้นอยู่กับสองฝ่าย การเป็นมิตรสหายก็เช่นเดียวกัน ฯ
~ การปกปิดความโง่ จะเพิ่มความโง่ของเรา ฯ
~ การยอมรับความโง่เขลา จะทำให้เราฉลาดขึ้น ฯ
~ การไปวัดไม่อาจชี้ได้ว่ามีศาสนา การไปสถานศึกษาไม่อาจชี้ได้ว่ามีความรู้
ฯ
~ การมานะบากบั่นเพื่อผลสัมฤทธิ์ จะพิชิตความอับโชค ฯ
~ การไม่รู้อิ่มเพราะเป็นทาสตัณหา ทำให้โลกาบกพร่องอยู่เป็นนิตย์ ฯ
~ การพูดหรือท่องจำโดยไม่รู้ความหมายของถ้อยคำ คือกิจกรรมของนกแก้ว ฯ
~ การเยี่ยมเยือนเป็นการกระชับมิตร แต่ไม่ควรคิดทำบ่อย ฯ
~ การลุ่มหลงสิ่งใดเกิดจากการครอบงำของความคิดฝัน มิใช่การกรองกลั่นพิจารณา ฯ
~ การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นเขา คือการประกาศความรู้สึกและภูมิปัญญาเราให้คนรู้
ฯ
~ การศึกษาด้วยวิธีอ่านแต่ขาดการปฏิบัติ ความรู้แจ่มชัดเกิดได้ยาก ฯ
~ การศึกษาไม่ใช่การหว่านพืชให้ใคร แต่คือการทำให้พืชภายในเขางอกงาม
ฯ
~ การสมานสามัคคีให้ดีอยู่ จะสู้ศึกศัตรูทั้งหลายได้ ฯ
~ การแสดงมารยาทเลวกับคนดี คือวิธีประจานตนเอง ฯ
~ การแสวงหาสิ่งใดถ้าไม่มีวิธีการ ก็อย่าไปทนทุกข์ก่อสังขารแสวงหา ฯ
~ การหัวเราะคือแสงจากฟ้า ที่ขจัดความครึ้มบนใบหน้าของคนได้
ฯ
~ การหัวเราะขบขัน
คือแสงตะวันในครัวเรือน ฯ
~ กาลเวลาผ่านผัน ทุกสิ่งอันย่อมเปลี่ยนแปลงฯ
~ ก้าวจากรวยสู่จนนั้นง่ายดาย แต่ก้าวจากจนขึ้นสู่รวยนั้นแสนยาก
ฯ
~ ก้าวไปด้วยความมั่นคง
ยืนยงด้วยความมั่นใจ จะคิดจะทำอะไร ต้องใคร่ครวญและไตร่ตรอง ฯ
~ ก้าวมั่นด้วยกำลังกาย ประคองไว้ด้วยกำลังสติ ฯ
~ กำลังใจมีมากความลำบากจะลดน้อย กำลังใจถดถอยความลำบากจะเพิ่มทวี
ฯ
~ กินข้าวต้องทีละคำ จะเรียนจะร่ำต้องจากต่ำไปสูง ฯ
~ เก่งผิดที่ ดีแต่ปาก จะทุกข์ยากจนตาย ฯ
~ เกิดมาเป็นคนต้องสร้างตนให้มีดี ตายไปทั้งทีต้องฝากดีเอาไว้ ฯ
~ คนเป็นคน ค้นให้ทั่ว ปากไม่ล้น ก้นไม่รั่ว ชั่วไม่เอา เมาไม่มี นี่คือคน ฯ
~ เกิดเป็นคน แล้วต้องเตรียม ถ้าไม่เตรียมเสียเหลี่ยมความเป็นคน
ฯ
~ เกิดเป็นหญิงสาวเป็นได้คราวเดียว
เสียแล้วซีดเซียวกว่าเสื้อผ้า
~ เอาแฟ้มมาฟอก ก็ไม่โสภา ไม่เหมือนเสื้อผู้ที่สวมอินทรีย์
ฯ
~ เกรงใจไม่เป็นคือคนพาล เกรงใจตลอดกาลคือคนโง่ ฯ
~ เกียจคร้านและสุรุ่ยสุร่ายทำให้อัตคัด ขยันและประหยัดทำให้ร่ำรวย ฯ
~ เกลียดกันอยู่ใกล้ก็เหมือนไกล รักใคร่อยู่ไกลก็เหมือนใกล้ ฯ
~ เกือกคับ เรือรั่ว เพื่อนชั่ว นายชัง นั่งติดกองไฟ ไม่มีสุข ฯ
~ แกงจืดจึงรู้คุณเกลือ หนูกัดเสื้อจึงรู้คุณแมว ฯ
~ แก่แล้วต้องเตรียม ถ้าไม่เตรียมเสียเหลี่ยมคนแก่ ฯ
~ ขยันแต่ไม่ประหยัด ขจัดความจนไม่ได้ ฯ
~ ขยันฟัง ขยันจำเป็นบัณฑิต ขยันใคร่ครวญขบคิดเป็นนักปราชญ์ ฯ
~ ข้อความที่เป็นสัจธรรม ไม่จำต้องประดิษฐ์ประดอย ฯ
~ ข้อขัดแย้งเรื่องหลักการ อย่าให้แผ้วพานเรื่องส่วนตัว ฯ
~ ของกินไม่กินก็บูดเน่า ของเก่าไม่เล่าก็ลืม ฯ
~ ของใช้เลือกของใหม่ มิตรคู่ใจเลือกคนเก่า ฯ
~ ของที่เก็บรักษาหาใช่ของเราไม่ ของที่ให้คนอื่นไปนั่นแหละของ ๆ เรา
ฯ
~ ขัดหลักขัดลายให้ผล ขัดคอคนให้โทษ ฯ
~ ขันติธรรมนำสุขและผลสัมฤทธิ์ ยิ่งกว่าความคิดใช้กำลัง ฯ
~ ข้าศึกย่อมมีวันสิ้นสลาย แต่มิตรภาพดำรงไว้ชั่วกาลนาน ฯ
~ ขาวทำให้เด่น เฉกเช่นชั่วกับดี ฯ
~ ข่าวร้ายมักไปเร็วไปไกล ข่าวลือมักเหลวไหลเสียกว่าครึ่ง ฯ
~ ข้าวรวงงามในทุ่งเป็นของเพื่อนบ้าน
หญิงงามที่พบผ่านเป็นของคนอื่น ฯ
~ ขี้เกียจเป็นแมลงวัน ขยันเป็นแมลงผึ้ง ขี้หึงเป็นแมลงป่อง ขี้จองหองเป็นกิ้งก่า ฯ
~ ขี้ข้าได้ดีเหมือนสังกะสีปนนาก ผู้ดีตกยากเหมือนนากปนทอง ฯ
~ ขี้โฉดทนฉ้อ ขี้ขอทนอาย ฯ
~ ขี้แล้วเต้นคือกบ ขี้แล้วกลบคือแมว ขี้แล้วแจวคือหมา ขี้แล้วรักษาคือคน ฯ
~ ขึ้นชื่อว่าศิลป์หมิ่นไม่ได้ จะเช่นหนึ่งๆ เช่นใด ก็ยังประโยชน์ ฯ
~ ขุนเขาไม่กระเทือนด้วยลมกรรโชก บัณฑิตไม่ไหวโยกด้วยคำติชม ฯ
~ ขุนเขายังพังทลาย ไม้ใหญ่ยังหักโค่น คนก็ย่อมร่วงหล่นไปตามธรรมชาติ ฯ
~ ขุนเขาที่สลับซับซ้อน ยังไม่ยอกย้อนเท่าใจคน ฯ
~ เข้านอนหิวและอดตอนกลางคืน ดีกว่าตอนเช้าตื่นก็พบหนี้สิน ฯ
~ แขกที่มาทุกวัน คือโจรตัวฉกรรจ์ที่ปล้นครัวเรือน
ฯ
~ แขวนของขลังไว้ที่คอพอคุ้มได้ แขวนของขลังไว้ที่ใจยิ่งได้ผล ฯ
~ คติใด ก็ไร้ความหมาย ถ้าไม่ฝังลึกในใจกายรวมก่อเป็นนิสัย
ฯ
~ คนเก่งจะไม่คุยโม้ คนคุยโวจะไม่เก่ง ฯ
~ คนเก่งที่เห็นแก่ตัว คือคนชั่วที่เป็นภัยสังคม ฯ
~ คนเก็บกุหลาบย่อมซึ้งทราบในรสหนาม
ฯ
~ คนขยันและชำนาญย่อมทำงานได้เกือบทุกอย่าง
ฯ
~ คนขลาดแสดงอำนาจในบ้าน คนกล้าหาญแสดงในสนามรบ ฯ
~ คนโง่ที่ซื้อหา มีมากกว่าคนโง่ที่ค้าขาย ฯ
~ คนโง่เราดูว่าไม่เข้าท่า แต่คนโง่กว่าปรบมือชมเชย ฯ
~ คนโง่พูดเป็นกระบุงเรื่องศาสนา แต่ปฏิบัติเท่าเมล็ดงาก็ไม่ได้ ฯ
~ คนโง่ยืนความคิดติดเด็ดขาด คนฉลาดจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ฯ
~ คนจนยิ่งจนเพราะทำรวย คนรวยยิ่งรวยเพราะทำจน ฯ
~ คนจนอยู่ใกล้ไม่มีใครถามหา คนรวยอยู่สุดหล้าคนเวียนหาอยู่ตลอด
ฯ
~ คนจนไม่อาจทะเลาะกับคนมั่งมี เศรษฐีไม่อาจทะเลาะกับขุนนาง ฯ
~ คนจนไม่มอดม้วย คนรวยก็อยู่ได้ ยาจกไม่ชี้เศรษฐีก็สบาย ฯ
~ คนจนจะเวียนวนหาหมอดู ส่วนคนรวยจะเวียนอยู่กับหมอยา ฯ
~ คนจมน้ำตายมีหลายหมื่น คนจมเหล้าไม่ฟื้นมีหลายแสน ฯ
~ คนจะดีเด่นเฉกเช่นดนตรี ต้องเขย่าเป่าตีดีดสีจึงจะดัง ฯ
~ คนใจกว้างไม่สู้จะโง่เขลา คนโง่เงาไม่สู้จะใจกว้าง ฯ
~ คนใจแคบจะกังวลไปทุกอย่างคนใจกว้างจะยอมรับและปรับตัว
ฯ
~ คนใจไม่สะอาดเมื่อตนผิดพลาดก็พาลโกรธผู้อื่น
ฯ
~ คนจะกลายเป็นยักษ์มาร เดรัจฉาน เปรต ถ้ากิเลสครอบงำ ฯ
~ คนฉลาดเห็นอันตรายก็หลีกหลบ คนโง่พบอันตรายก็เข้าไปหา ฯ
~ คนฉลาดจะมุ่งสิ่งที่สามารถทำ แต่คนฉลาดเลิศล้ำจะมุ่งสิ่งที่พึงควร
~ คนฉลาดสร้างภาษิตประดิษฐ์คำ คนโง่เพียงแต่กล่าวคำซ้ำและลอกเลียน
ฯ
~ คนฉลาดเลี้ยงใคร
ได้อักโข แต่คนโง่เลี้ยงตนเองก็ไม่ได้ ฯ
~ คนใจสูงชักชวนด้วยคุณธรรม คนใจต่ำชักชวนด้วยอามิส ฯ
~ คนฉลาดอาจเป็นตัวตลก ถ้าตกอยู่ในหมู่คนโง่ ฯ
~ คนฉลาดใช้สมองแก้ปัญหา ส่วนคนขาดปัญญาใช้แรงกาย ฯ
~ คนฉลาดพูดว่ากำลังแสวงหา คนโง่พูดว่าได้พบแล้ว ฯ
~ คนฉลาดจะไม่ทิ้งสิ่งดี
ขณะเดียวกับทำสิ่งที่มีให้ดีขึ้น ฯ
~ คนชอบจะชมว่าเราดี คนชังจะโจมตีว่าเราชั่ว ฯ
~ คนโชคร้ายดูว่ากาลผ่านไปช้า คนโชคดีดูว่าเวลาผ่านไปเร็ว ฯ
~ คนจำนวนหนึ่งล้มคว่ำบนถนน มิใช่รถเฉี่ยวชนแต่เพราะคำคนนินทา
ฯ
~ คนดีมุ่งพิจารณาค่าคุณโทษ คนชั่วโฉดมุ่งผลของตนเอง ฯ
~ คนดีพิจารณาความชั่วจะปวดหัว พอกับคนชั่วพิจารณาความดี ฯ
~ คนดีทำดีงายทำชั่วยาก คนชั่วทำดีลำบากทำชั่วง่ายฯ
~ คนได้รับคำแนะนำมีดื่นดาษ แต่คนฉลาดเท่านั้นจะได้ประโยชน์ ฯ
~ คนตาบอดสอนคนฉลาดว่า อย่าก้าวไปข้างหน้าก่อนไม้เท้าคลำทาง
ฯ
~ คนทำงานที่โง่เขาจะตำหนิเอาเครื่องมือของตน
ฯ
~ คนที่ชอบยุ่งเรื่องวิวาทของใคร
คือคนที่เข้าไปจับหูหมาบ้า ฯ
~ คนที่ขาดรองเท้า ให้คิดถึงเขาผู้เท้าขาด ฯ
~ คนที่ชื่อว่าธรรมะธรรมโม แต่เจ็บป่วยผอมโซอยู่เป็นนิตย์ จะต้องมีอะไรพลาดผิดอยู่ในตัวเขาเป็นแน่
ฯ
~ คนที่น่าเกลียดคือคนซึ่งโงในการงาน แต่ฉลาดฉาดฉานในการพูด ฯ
~ คนที่พูดน่าเบื่อหน่ายนั้น พูดสั้น ไม่ค่อยมี ฯ
~ คนที่มุ่งของอยู่ใกล้ ยากที่จะวิเคราะห์ของใหญ่และอยู่ไกลตา
ฯ
~ คนที่รวยแท้คือคนที่ตระหนักแน่ในคำว่าพอ
ฯ
~ คนที่รู้แต่โลกียธรรม เหมือนปลาที่รู้จักน้ำแต่ไม่รู้จักดิน
ฯ
~ คนที่รู้แท้มีน้อยยิ่งแต่คนที่ใส่ใจอะไรจริงยิ่งน้อยกว่า
ฯ
~ คนที่เสียสละจะถูกกล่าวหาว่าโง่หรือบ้าอยู่เสมอ
ฯ
~ คนที่เห็นแก่นอนกับกิน อย่าถวิลหาว่าจะทำงานใหญ่ได้ ฯ
~ คนตายเพราะอดอยากไม่มากเท่ากับคนตายเพราะอิ่ม
ฯ
~ คนบางคนอยากรู้ทั่วจักรวาล ทั้งที่เดินบริเวณบ้านก็หลง ฯ
~ คนปัญญาด้อย ได้สุขสำราญนิดหน่อยก็มัวเมา ฯ
~ คนปัญญาดีชมคนปัญญาด้อย คนปัญญาน้อยชมตัวเขาเอง ฯ
~ คนปวดฟันจะรู้สึกว่า คนผู้มีสุขล้นฟ้าคือคนที่ไม่ปวดฟัน
ฯ
~ คนที่พูดน้อยและไม่อิจฉาใคร จะสุขกายสบายใจทุกเมื่อฯ
~ คนพูดปด มักอุดมไปด้วยคำสาบาน
ฯ
~ คนเป็นครูจะเป็นอย่างแม่ปูหรือแม่พิมพ์
ฯ
~ คนพาล เดรัจฉาน
หรือบัณฑิต ต่างก็มีกรรมตรึงติดเป็นเครื่องหมาย
ฯ
~ คนมองโลกในแง่ร้ายไม่เห็นกุหลาบเพราะมองแต่หนาม
~ คนมองโลกในแงดีงาม
ไม่เห็นหนามเพราะมองแต่กุกลาบ ฯ
~ คนมีฝีมือที่อับปัญญา
คือผู้สร้างปัญหาให้แก่วงการ ฯ
~ คนยอดตระหนี่อยากจะจุดนิ้วชี้แทนเทียนไข
ฯ
~ คนเราถ้าปล่อยวางลงได้เมื่อใด ก็จะยิ้มได้อย่างสุขเสรี ฯ
~ คนเรามักมุ่งเรียนสิ่งนอกตนและห่างไกล มองผ่านสิ่งภายในและใกล้ตน ฯ
~ คนร่วมชะตากรรมมักมีความรักเสน่หา คนร่วมกิจการค้ามักมีความคิดคด ฯ
~ คนมั่งมีคิดถึงวันข้างหน้า คนจนอนาถาคิดถึงปัจจุบัน ฯ
~ คนอยู่บนฝั่งจะรีบลงมา คนอยู่ในนาวาจะรีบขึ้นไป ฯ
~ คนเรามักหาเหตุผลมาอ้าง เพื่อทำทุกอย่างที่ตั้งไว้ ฯ
~ คนมักโกรธมักไม่ได้ประโยชน์จากคำเตือน
ฯ
~ คนมีโชคเรื่องความรัก ควรจะพักเรื่องการพนัน ฯ
~ คนมุ่งสัมฤทธิ์จะสร้างโอกาส คนเขลาขลาดจะรอโชค
~ คนมีแผนจะกลุ้มใจก่อนจ่าย คนไร้แผนจะกลุ้มใจเมื่อจ่ายแล้ว ฯ
~ คนไม่ทำความดี สวดมนต์ทั้งปีก็ไม่มีคุณค่า ฯ
~ คนไม่รู้งงงัน คนกล้าไม่พรั่น คนดีนั้นไม่วิตก ฯ
~ คนรู้จริงไม่กังขา
คนเมตตาไม่ทุกข์ใจ คนกล้าหาญชาญชัยไม่พรั่นกลัว ฯ
~ คนส่วนใหญ่จะรู้วิธีประจบ
แต่ส่วนน้อยจะรู้วิธีชมเชย ฯ
~ คนสุขุมเอาลิ้นไว้ที่ใจ คนเลินเล่อเผลอไผล เอาใจไว้ที่ลิ้น ฯ
~ คนอัจฉริยะจะค้นพบอะไรด้วยวิธีพิลึกประหลาด แต่คนเจ้าอารมณ์จะพลาดไม่ได้พบอะไร
ฯ
~ คนอัจฉริยะเรียนจากธรรมชาติ คนฉลาดเรียนจากหนังสือ ฯ
~ คนอับโชคดูว่ากาลผ่านไปช้า คนสบโชคดูเวลาผ่านไปเร็ว ฯ
~ คนเลี้ยงม้าเพ่งถึงหญ้าอาหารม้า คนหาปลาเพ่งฝนฟ้าและพายุ ฯ
~ คนที่พูดว่าชีวิตตนมีแต่สุข อย่าเข้าใจว่าทุกข์ของเขาจะไม่มี
ฯ
~ คนที่กล้าทำถึงไม่ได้ผลอะไร ก็น่าภูมิใจกว่าคนขลาด ฯ
~ คนมีกิจคือคนมีเกียจ คนขี้เกียจคือคนไร้เกียจ ฯ
~ คนที่เรียนแล้วคิดชีวิตเขามีคุณค่า คนที่เรียนเพื่อฆ่าเวลาเขาเกิดมาเพื่ออยู่ไปวันๆ
ฯ
~ คนจะดีเพราะมีวินัย คนจะร้ายเพราะวินัยไม่มี ฯ
~ คนดีคือคนขาดหลัก คนขาดหลักคือคนขาดดี ฯ
~ คนดีอยากจะรวยมากกว่าอยากจะดี อยากเป็นเศรษฐีมากกว่าอยากเป็นสาธุชน
ฯ
~ คนมีเงินทำงานด้วยปาก คนทุกข์ยากทำงานด้วยแรง ฯ
~ ครูมีความหมายเกินกว่าพฤติกรรมที่ทำและถ้อยคำที่พร่ำสอน
ฯ
~ ครูอาจารย์พาเราไปแค่ประตู แต่การเรียนรู้เกิดจากตัวเราเอง ฯ
~ ครูสอนความรู้นั้นมากมี ครูสอนความดีนั้นมีไม่มาก ฯ
~ ควรชมสตรีต่อหน้า แต่ชมผู้มีปัญญาลับหลัง ฯ
~ ควรขุดบ่อตอนที่ยังไม่กระหาย ควรซ่อมหลังคาไว้ตอนที่ฝนยังไม่ตก
ฯ
~ ควรดิ้นรนสร้างสิ่งที่ดีในชีวิต มิใช่ดิ้นรนเพื่อมีฤทธิ์เหนือกว่าใคร
ฯ
~ ควรตรวจสอบเครื่องมือทุกอย่างก่อนไว้วางใจใช้งาน
ฯ
~ ควรตั้งตนไว้ให้ดีก่อน แล้วจึงสอนผู้อื่น ฯ
~ ควรทำความดีเป็นบันได เพื่อก้าวไปสู่ความดีที่เหนือกว่า
ฯ
~ ควรมีสมองที่คิดลึกกว้างไกล มิใช่ภาชนะที่บรรจุอะไรไว้สารพัด
ฯ
~ ควรเรียนรู้ทุกอย่างเข้าไว้ แต่อย่าไปทำเสียทุกอย่าง ฯ
~ ความโกรธคือสัตว์ร้าย ต้องรั้งไว้อย่าปล่อยไป ฯ
~ ความโกรธคือพิษร้าย ที่จะย้อนมาทำร้ายผู้มักโกรธ ฯ
~ ความโกรธของมิตรยังมีค่ากว่ารอยจูบของศัตรู
ฯ
~ ความคะนองคือความพินาศ ความประมาทคือความตาย ฯ
~ ความคดโกงถ้ารวมกับความฉลาด ความอุบาทว์จะเกิดขึ้น ฯ
~ ความคุ้นเคยเกินขนาด ทำให้ขาดความนับถือ ฯ
~ ความแค้นที่ไร้เหตุผล เสมือนเผาเรือนตนเพื่อไล่หนูตัวเดียว
ฯ
~ ความโง่ไม่ต้องเพาะไว้ เพราะมันงอกได้ทุกแห่งหน ฯ
~ ความจริงเพิ่งสวมรองเท้า แต่ความเท็จได้วิ่งอ้าวไปแล้วทั่วโลก
ฯ
~ ความฉลาดถ้าไม่
ได้เพิ่มพูน จะเสื่อมสูญและลดลง ฯ
~ คนชั่วจะเจริญงอกงามในความมืด แต่จะจางจืดสิ้นไปในความสว่าง ฯ
~ ความชั่วมาง่ายมาไว แต่จะจากไปแสนยากแสนช้า ฯ
~ ความชราเป็นทั้งศัตรูและมิตร ที่จะจู่ประชิดโดยไม่รู้ตัว ฯ
~ ความแช่มชื่นเบิกบานเป็นลักษณะของเจ้าบ้านที่ดี
ฯ
~ ความดีหรือความชั่วย่อมทำได้ทุกเวลานาที แต่จะทำทั้งชั่วทั้งดีพร้อมกันไม่ได้
ฯ
~ ความดีไม่ต้องแสดงออกทางวาจา แต่ให้ปรากฏออกมาเป็นการกระทำ ฯ
~ ความดีประดุจแสงสูรย์ แม้ส่องผ่านสิ่งปฏิกูลก็ยังเรืองรอง
ฯ
~ ความดีเพียงคำเดียวนะเจ้าเอ๋ย ที่คนเราไม่เคยจะซึ่งใจ ฯ
~ ความดีเพียงน้อยนิดอย่าพึงเว้น ความชั่วเพียงตัวเล็นอย่าพึงทำ ฯ
~ ความดีสร้างยากสลายง่าย ความชั่วสร้างง่ายสลายยาก ฯ
~ ความดีเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่น้อยคนที่มุ่งหาและได้พบ ฯ
~ ความถูกต้องและความดี ย่อมไม่มีอยู่ในสำนึกของคนเลว ฯ
~ ความทุกข์ยากด้านหนึ่งคือเคราะห์ แต่อีกด้านอาจหมายถึงสิ่งหล่อหลอมชีวิตจิตใจคนฯ
~ ความทุกข์ไม่เผาลน
หากใจคนเข้าถึงธรรม ฯ
~ ความบริสุทธิ์และยึดมั่นในสัญญา อย่าไปหาในวิถีทางการเมือง ฯ
~ ความประมาทเลินเล่อ เป็นเพื่อนเกลอกับความปราชัย ฯ
~ ความเป็นมิตรแท้เพียงวัน ดีกว่าเพียงรู้จักกันถึงสิบปี ฯ
~ ความผิลพลาดไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร แต่ถูกถ้วนทุกคราวไปนี้แสนประหลาด
ฯ
~ ความผิดพลาดอันร้ายกาจของคนเรา คือ การกล่าวหาใครเขาว่าผิดพลาด ฯ
~ ความเพียรเป็นศัตรูแล้วเป็นมิตร ความเกียจคร้านมีพิษจากมิตรเป็นศัตรู
ฯ
~ ความมั่นคงจะก่อมิตรชิดชอบ ความล่มจมจะทดสอบน้ำใจมิตร ฯ
~ ความมั่งคั่งจะลดความถูกต้องของคนดี จะเพิ่มความผิดอัปรีย์ให้คนเลว ฯ
~ ความมัธยัสถ์กับความขยัน เป็นสองแพทย์สำคัญของมวลมนุษย์ ฯ
~ ความไม่รู้จักพอคือต้นตอของความทุกข์
ฯ
~ ความรู้ขาด ความสามารถไม่มี ความดีไม่อยู่ เป็นยอดครูไม่ได้ ฯ
~ ความมุ่งมั่นควรเพิ่มให้มาก ความอยากควรลดให้น้อย ฯ
~ ความรู้ความสามารถต้องเสาะหา ไม่ใช่ติดตัวมาหรือเกิดขึ้นเอง ฯ
~ ความโลภ ความอิจฉา และความหยิ่งผยอง คือไฟสามกองที่เผาใจคน
ฯ
~ ความหลงใหลในเงินตรา คือที่มาของความชั่วร้าย ฯ
~ ความสุขในโลกไม่เคยพอดี หากไม่น้อยเต็มทีก็มากเกินไป ฯ
~ ความสุขสมบูรณ์วันนี้บรรพชนสร้างไว้ให้ ถ้าไม่บำรุงรักษาไว้ความเลวร้ายจะตามมา
ฯ
~ ความสนุกเพลิดเพลินเพียงชั่วครู่ อาจทำให้ต้องสลดหดหู่ชั่วชีวิต ฯ
~ จงตั้งความหวังให้สูงสุด แต่อย่าหยุดเมื่อสิ้นหวัง ฯ
~ จงใช้ปัญญาและธรรมะให้เป็นพละของชีวิต
ฯ
~ จงทำความดีไว้ก่อนตาย เดี๋ยวชีวิตวางวาย จะไม่มีโอกาสทำ ฯ
~ จงกินแต่พออิ่ม ชิมแต่พอดี เป็นหนี้แต่พอประมาณ ฯ
~ จงสู้หิวด้วยอาหาร จงสู้งานด้วยความเพียร จงสู้เรียนด้วยความคิด จงสู้มิตรด้วยจาโค ฯ
~ จงเป็นคนที่เกินเก่ง แต่ไม่ใช่เก่งจนเกินดี ฯ
~ จงประกอบกรรมดีเข้าไว้ เรื่องอื่นใดให้เป็นการของสวรรค์
ฯ
~ จงมุ่งมั่นทำสิ่งอันเป็นหน้าที่ อย่ามัวใยดีกับคำสรรเสริญนินทา ฯ
~ จงยืนหยัดในความเป็นคน อย่าเป็นหุ่นยนต์ให้โชคชะตามาบงการ
ฯ
~ จงเรียนให้รู้ จงดูให้จำ และจงทำให้จริง ฯ
~ จงลืมข้อบกพร่องของเขา ด้วยวิธีนำข้อบกพร่องของเรามาขบคิด
ฯ
~ จงตรงต่อหน้าที่และเวลา ดุจสุริยันจันทราที่ตรงต่อวันคืน
ฯ
~ จงเตือนเพื่อนในที่ลับตา และยกย่องโมทนาในที่เปิดเผย ฯ
~ จงเลี้ยงดูพ่อแม่เมื่อยังมีชีวิต ป่วยการคิดเซ่นไหว้เมื่อตายแล้ว ฯ
~ จงระวังการจ่ายเล็กน้อย ดุจเรือรั่วนิดหน่อยที่ทำให้เรือใหญ่อับปาง
ฯ
~ จนแต่กายหรือใจยังพอทน แต่ถ้านอกจนในจนก็ไปไม่รอด ฯ
~ จนที่แท้จริงนั้นมิใช่ไร้ทรัพย์ แต่อยู่ที่ปัญญาอับและไร้งาน ฯ
~ จะเป็นวีรชนกันหมดไม่ได้ เพราะต้องมีผู้ปรบมือให้เมื่อเขาเดินผ่าน
ฯ
~ จะทำสิ่งใดให้ตัวสนุกสบาย ก็อย่าทำลายความสุขของผู้อื่น ฯ
~ จะทำอะไรต้องหยั่งให้ลึก นึกให้ได้และดูให้รอบด้าน ฯ
~ จะมีสุขต้องทุกข์ลงทุนก่อน จะเป็นก้อนทีละน้อยค่อยผสม ฯ
~ จากกันยามเป็นได้เห็นน้ำใจ จากกันยามตายได้เห็นน้ำตา ฯ
~ จิตเหมือนปลา เมตตาเหมือนน้ำ จิตที่ขาดเมตตาก็เหมือนปลาขาดน้ำ
ฯ
~ จิตที่อ่อนแอจะมีแต่ความปรารถนา จิตที่แข็งกล้าจะมีแต่ความตั้งใจ
ฯ
~ จุดประสงค์ของการศึกษา คือการพัฒนาลักษณะนิสัย ฯ
~ ฉลาดหรือโฉดเขลา คนจะวัดเราที่วาจา ฯ
~ ฉลาดเฉลียวที่ทรงคุณค่าย่อมได้มาจากประสบการณ์
ฯ
~ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา คือวิชาแห่งความสำเร็จ ฯ
~ เฉพาะคนเกียจคร้านที่เข้าใจว่า โชคชะตาจะช่วยให้งานสำเร็จ ฯ
~ เฉพาะคนที่สัตย์ซื่อ ที่เชื่อถือความสุจริตจริงใจ ฯ
~ เฉพาะในกลุ่มคนที่ไว้ใจและเพื่อนที่ซื่อสัตย์
ที่จะกำหนดให้ของทุกอย่างเป็นสมบัติของส่วนรวม ฯ
~ ชนะไหนเข้าด้วยช่วยกระพือ เหมือนกระสือตอมห่าช่วยหากินฯ
~ ช่วยกันปลูกป่า พัฒนาเศรษฐกิจ กำจัดมลพิษ ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ ฯ
~ ชอบเกิดมากกว่าตาย เหมือนบางรายชอบอายุยืนไม่ชอบแก่
ฯ
~ ชักดาบตัดน้ำ น้ำยังคงไหล ยกเหล้าดื่มจะดับทุกข์ไป ทุกข์กายและใจจะยิ่งเพิ่มทวี ฯ
~ ช้าได้พร้าเล่มงาม หากผลีผลามมักพลิกแพลงฯ
~ ช่างทำนั้นหายาก ช่างปากนั้นหาง่าย ฯ
~ ชายหนุ่มมักจะนึกถึงฝ่ายตรงข้ามเพราะอำนาจความใคร่
ส่วนหญิงสาวมักจะยอมพลีกายให้ชาย
~ ด้วยความรัก ฯ
~ ชายแคล่วคล่องหญิงว่องไว เป็นปัจจัยแห่งความก้าวหน้าของครอบครัว
ฯ
~ ชีวิตลิขิตใยต้องเกรงความผิดหวังฯ
~ ชีวิตไม่พอกับตัณหา เวลาไม่พอกับความต้องการ ฯ
~ ชีวิตเป็นละครตลกของผู้รู้คิด แต่เป็นละครสลดจิตของผู้รู้สึก ฯ
~ ชีวิตความเป็นอยู่ใครห่อนรู้กำหนดการ สุดแต่จะประมาณ เร็วหรือช้าก่อนหน้าหลัง
ฯ
~ ชีวิตคนแสนสั้น จงดำเนินชีวิตแต่ละวันให้มีคุณค่า
ฯ
~ ชีวิตคนที่สิ้นคิด ย่อมไม่ผิดกับชีวิตเดรัจฉาน ฯ
~ ชีวิตครูคล้ายเทียนไข ที่เผาไหม้ละลายตนเพื่อคนอื่น ฯ
~ ชีวิตจะเริ่มเพิ่มค่า เมื่อเริงร่าเริ่มลด และทดทนเพิ่มทวี ฯ
~ ชีวิตจะยาวสั้นหาสำคัญไม่ แต่ชีวิตจะอยู่อย่างไรนี่สิสำคัญ
ฯ
~ ชีวิตที่ขาดมิตรสหาย คือการตายอย่างเปล่าเปลี่ยว ฯ
~ ชีวิตคือการเดินทาง เรือนร่างคือศาลาอาศัย ฯ
~ ชีวิตนี้แสนสั้น จงรีบหมั่นทำความดี ฯ
~ ชีวิตที่ไร้วิชา เปรียบเหมือนบุบผาที่ไร้กลิ่นหอม
ฯ
~ ชีวิตที่มีสาระแก่นสาร คือชีวิตที่ทำงานบริการคนอื่น ฯ
~ ชื่อเสียงดีมีคนอิจฉา ชื่อเสียคนสมน้ำหน้า ล้วนแต่มีอันตราย
ฯ
~ เชื่อพระพบพระนิพพาน ใกล้พระจะชนะมาร ห่างพระปะแต่มาร ฯ
~ ใช้ความร้อนพิสูจน์ทองนาก ใช้ทุกข์ยากพิสูจน์ความกล้าแกร่ง
ฯ
~ ใช้เวลาเป็นปีถึงได้มิตรดีงาม แต่แค่ชั่วครู่ยามก็อาจสูญเสียไป
ฯ
~ ใช้ความสุขุมรอบคอบเป็นเกาะบัง จะช่วยให้ยั้งอยู่รอดปลอดภัย ฯ
~ โชคร้ายไม่ใช่ผีหรือเทวดาลงโทษเอา แต่การกระทำของคนเราเป็นต้นเหตุ ฯ
~ โชคช่วยให้คนมีอำนาจได้ แต่ไม่อาจช่วยให้มีปัญญา ฯ
~ โชคคือการศึกษา วาสนาคือความเพียร ฯ
~ โชคดีอยู่ที่วาสนา การศึกษาอยู่ที่ความเพียร ฯ
~ ซ่อนอะไรซ่อนได้ เว้นแต่เรื่องรักใคร่กับสุรา ฯ
~ ซ่อมแซมดีกว่ารื้อ ซื้อดีกว่ายืม ลืมดีกว่าหลง หลงดีกว่างมงาย ฯ
~ ฐานของตึกคืออิฐ ฐานของชีวิตคือการศึกษา ฯ
~ ฐานะยากจนต่ำต้อยของเกษตรกร คือยอดแห่งความทุกข์ร้อนในแผ่นดิน
ฯ
~ ดอกไม้งามย่อมเหี่ยวเฉา สังขารของคนเราย่อมร่วงโรยไปตามการ
ฯ
~ ดัดไม้คดให้ตรงเพื่อใช้งาน ฝึกอบรมบุตรหลานเพื่อให้เป็นคนดี
ฯ
~ ดำเนินชีวิตดีไม่มีภัย ดำเนินชีวิตเสียหายภัยมากมี ฯ
~ ดุลธรรมชาติจะสิ้นไป หากวันใดไทยสิ้นป่า ฯ
~ ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ ดูให้แน่ต้องดูถึงย่ายาย ฯ
~ ดินขาดป่า ฟ้าขาดฝน คนขาดใจ ฯ
~ ดินจะชุ่ม ฝนจะฉ่ำ น้ำไม่ท่วม เมื่อเราร่วมอนุรักษ์พิทักษ์ป่า ฯ
~ เดินทางเตียนเวียนลงนรก เดินทางรกวกขึ้นสวรรค์ ฯ
~ แดงก่อนแดด แปดก่อนเจ็ด เสร็จทุกราย ฯ
~ ต้นคดปลายตรง เป็นที่พึงประสงค์กว่าต้นตรงปลายคด
ฯ
~ ต้องอดทนเหมือนอูฐ ไม่พูดเหมือนปลา ไม่ประจบนายเหมือนหมา ฯ
~ ตราบใดทะเลยังมีคลื่น อย่าหวังว่าชีวิตจะราบรื่นตลอดไป
ฯ
~ ตายเพื่อศาสนานั้นควรตาย แต่ถ้าตายอย่างงมงายไม่สมควรอย่างยิ่ง
ฯ
~ ตำรวจดีพิทักษ์สันติราษฎร์ ตำรวจอุบาทว์พิฆาตสันติสุข ฯ
~ ติเพื่อก่อ ดีกว่ายอเพื่อทำลาย ฯ
~ ตีงูให้กากิน กากินแล้วก็บินหนี บาปได้แก่ผู้ตี สิ่งนี้ไม่เป็นคุณ ฯ
~ เติบโตเพราะกินข้าว แก่เฒ่าเพราะเกิดนาน ฯ
~ ถลำล่องชักง่าย ถลำใจชักยาก ถลำปากชักไม่ได้ ฯ
~ ถ้าคิดเองไม่ได้แล้วไม่เชื่อคำนักปราชญ์ นอกจากไม่ฉลาดแล้วยังไร้ประโยชน์
ฯ
~ ถ้ามีเงินสามารถมีอิทธิพลเหนือผี ถ้าเงินไม่มีพูดกับใครเขาก็ไม่ฟัง
ฯ
~ ถ้าเราอุทิศเวลาให้แก่ทางธรรมมากเท่ากับทางโลก บาปกรรมและทุกข์โศกจะเบากว่านี้ ฯ
~ ถ้าสนใจผู้อื่นไม่วันคืนก็มีเพื่อนได้ ถ้ามุ่งให้คนอื่นสนใจ นานเท่าใดก็ไม่มีเพื่อนแท้
ฯ
~ ถ้าอยากมีทรัพย์สิน จงขยันทำกินและอดออม ฯ
~ ถ้าอยากเป็นคนมีนิสัยดีงาม ก็อย่าวู่วามโกรธง่าย ฯ
~ ถ้ายังสำนึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์ ก็อย่าหยุดทำความดี ฯ
~ ถ้าชนะด้วยอาวุธจะสิ้นสุดด้วยความแค้น
แต่ถ้าใช้ธรรมะชนะแทนจะสุดแสนสบายใจฯ
~ ถ้าสติมาปัญญาเกิด ถ้าสติเตลิดจะเกิดปัญญาหา ฯ
~ ถ้าศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ ถ้าศีลธรรมระบาดโลกสันนิวาสจะร่มเย็น
ฯ
~ ถึงคราวพูดแล้วไม่พูด มีแต่บูดกับเน่า ถึงคราวเล่าแล้วไม่เล่า มีแต่เน่ากับบูด
ฯ
~ ถึงตอนต้นหัวเราะร่า ย่อมไม่สู้ยิ้มละไมบนใบหน้าในตอนหลัง
ฯ
~ ถึงไม่ใช่ชาติใช่เชื้อ ถ้าเอื้อเฟื้อก็เหมือนชาติเชื้อเดียวกัน
ฯฯ
~ ถึงร่ำรวยก็อย่าขาดความเป็นคน ถึงยากจนก็ให้มีจิตใจเข้มแข็ง
~ ถึงแม้การเลือกเกิดเราจะไม่มีสิทธิ์ แต่การเลือกทางชีวิตเป็นสิทธิ์ของเรา
ฯ
~ ท้อแท้จะผิดหวัง ผิดหวังจะลังเล ลังเลจะพ่ายแพ้ ฯ
~ ทะเลอิ่มน้ำ คลังอิ่มทรัพย์ มนุษย์อิ่มสุข ปราชญ์อิ่มวิชาย่อมหาได้ยาก ฯ
~ ทะเลเหมาะกับเรือแพนาวา ความคิดพิจารณาเหมาะกับจิต ฯ
~ ทำงานด้วยแรงกายจะถูกปกครอง ทำงานด้วยสมองจะปกครองคนอื่น ฯ
~ ทำงานให้เป็นสุข สนุกเมื่อทำงาน กินเก็บแต่พอประมาณ ที่เหลือช่วยเจือจานคนอื่น ฯ
~ ทำชั่วในที่แจ้งมนุษย์ลงโทษ ทำชั่วในที่ลับตาเทวดาลงโทษ ฯ
~ ทำแบบเจ๊กจากเล็กไปหาใหญ่ ทำแบบไทยจากใหญ่ไปหาเล็ก ฯ
~ ทำบุญเอาหน้า ภาวนาแต่ปาก จะทุกข์ยากไปจนตาย ฯ
~ ทำอะไรถ้าไม่ปรึกษาภรรยานับว่าไม่ฉลาด แต่ถ้าทำตามภรรยาอย่างเด็ดขาดนับว่าโง่เขลา
ฯ
~ ทำอะไรจงหยั่งให้ลึก นึกให้ได้ ดูให้รอบด้าน ฯ
~ ทำผิดคน ผิดที่ ผิดเวลา กับทำแล้วไม่ติดตาม ผลก็ไม่งามดังหวัง ฯ
~ ทำลายป่าไม้คือทำลายชีวิต
ฯ
~ ทำดีเพื่อดี ไม่ใช่ทำดีเพื่อดัง ฯ
~ ทำดีแล้วคนชังดีกว่าดังเพราะทำชั่ว
ฯ
~ ทาสถึงอ้วนพี ก็ไม่สู้เสรีเมื่อผอมโซ ฯ
~ ทุกนาทีมีค่า ถ้าไม่รู้จักใช้เวลา ค่าก็ไม่มี ฯ
~ ทุกข์แล้วต้องทน จนแล้วต้องเจียม จึงจะไม่เสียเหลี่ยมเสียเกียรติ ฯ
~ ทุกข์อยู่ที่หัว กลัวอยู่ที่ใจ จัญไรอยู่ที่ปาก อยากอยู่ที่ท้อง ฯ
~ ธรรมชาติ กาลเวลาและความอดทน คือแพทย์สามคนผู้ยิ่งใหญ่
ฯ
~ นกไร้รัง แมงมุมไร้ใย ก็เหมือนกับคนไร้มิตร ฯ
~ นักปกครองต้องมีคุณธรรม เพราะจะนำมาซึ่งคน เขตคามและความมั่นคง ฯ
~ นักปกครองไม่พึงลุ่มหลงของมึนเมา ความยุติธรรมของเราจะไขว้เขว ฯ
~ นักปกครองใจกุศลถือประชาชนเป็นญาติ ักปกครองชั่วชาติ ถือว่าทาส คือ ประชาชน
ฯ
~ นักปราชญ์เห็นสิ่งใดเป็นภัยก็หลีกห่าง หากถึงตัวเข้าบ้างก็ไม่พรั่นกลัว
ฯ
~ นักปราชญ์คือผู้มีอำนาจทางความคิด ผิดกับสามัญชนผู้คิดแบบคนธรรมดา
ฯ
~ นักปราชญ์จะไม่ทุกข์ร้อนตอนเป็นอยู่ ไม่สลดหดหู่ตอนจะตาย ฯ
~ น้ำบ่อช่วยให้บัวสดใส น้ำใจช่วยให้คนชื่นบาน ฯ
~ น้ำบ่อน้ำคลองยังเป็นรองน้ำใจ น้ำที่ไหนก็สู้น้ำใจไม่ได้ ฯ
~ น้ำบ่อน้ำคลองยังเป็นรองน้ำมนต์ น้ำบ่อน้ำฝนก็สู้น้ำมนต์ไม่ได้ ฯ
~ น้ำนรกคือ เช้าฮา เย็นเฮ ค่ำเซ ดึกสร่างสว่างซ้ำ หัวตำธรณี ฯ
~ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ข้าพึ่งจ้าวบ่าวพึ่งนาย ฯ
~ ในยามทุกข์ยากจะเห็นใจมิตรสหาย ในยามเจ็บไข้จะเห็นใจคู่ครอง ฯ
~ บนทางขรุขระคนระวังจึงปลอดภัย บนทางเรียบคนชะล่าใจจึงมีอันตราย
ฯ
~ บอกให้ฟังเทศน์ก็หน้างำ บอกให้ฟังธรรมก็กำหู ฯ
~ บังคับม้า รถ เรือ ทำได้หมดสิ้น บังคับลิ้นในปากตนคนทำไม่ได้ ฯ
~ บางครั้งก็เศร้า บางคราวก็สุข บางทีก็ทุกข์หัวอกสะท้อน ฯ
~ บางสิ่งน่ากลัวกว่าความตาย บางสิ่งมีค่าเหลือหลายกว่าชีวิต
ฯ
~ บาปนั้นไม่อาจซ่อนเร้น เพราะปรากฏเด่นบนใบหน้าของคนบาป
ฯ
~ บุคคลใดไม่มีพวกพ้อง แสดงว่าอาจบกพร่องในนิสัยของตนเอง
ฯ
~ ปฏิเสธอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ดีกว่ารับไว้อย่างบึ้งตึง ฯ
~ ประชาชาติที่อดอยาก ย่อมยากที่จะมีศิลปะและศาสนา ฯ
~ ประเพณีไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ ฯ
~ ประจบทำให้เสียงาน ประจานทำให้เสียคน ฯ
~ ประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว โรงครัวเป็นท้อง เพื่อนพ้องเป็นได้ทั้งคุณและโทษ ฯ
~ ปรารถนาสารพัดในปฐพี บุญบารมีบันดาลได้ดังประสงค์ ฯ
~ ปลาเห็นแก่เหยื่อไม่เห็นเบ็ดฉันใด คนเห็นแก่ได้ไม่เห็นโทษภัยฉันนั้น
ฯ
~ ปลูกพืชต้องเตรียมดิน จะกินต้องเตรียมอาหาร จะพัฒนาหมู่บ้านต้องเตรียม ฯ
~ ประชาชน จะพัฒนาให้ได้ผลต้องพัฒนาที่ใจ ฯ
~ ป่วยอยู่เห็นหมอเหมือนเห็นแก้ว หายแล้วเห็นหมอเหมือนเห็นหมา ฯ
~ ปัญญาทำให้คนมีอำนาจ มารยาททำให้คนมีเสน่ห์ ฯ
~ ปัญหาการศึกษา อยู่ที่ว่า จะสอนคนมองต้นไม้ให้เป็นป่าได้อย่างไรฯ
~ ปัญหานำมาซึ่งโอกาสกับการคิดแก้ไข อันจะนำไปสู่การพัฒนา ฯ
~ ปัญหาเล็กพึงคิดแก้ไข อย่าให้ปัญหาใหญ่ตามมา ฯ
~ ป่าพึ่งเสือ เรือพึ่งพาย นายพึ่งบ่าว เจ้าพึ่งข้า ฯ
~ ป่าเขาที่ซับซ้อน ยังไม่ยอกย้อนเท่าใจคน ฯ
~ ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา ฯ
~ ปิดปากเป็นใบ้ไม่เจรจา ดีกว่าเปิดปากนินทาว่าร้ายเขา ฯ
~ ปู่ไม่ได้ด่า ย่าไม่ได้สั่ง พ่อแม่ยังไม่ได้สอน ฯ
~ เป็นคนสมคนเพราะคนมีครู เป็นครูสมครูเพราะครูมีธรรม ฯ
~ เป็นคนคมในฝักอยู่ร่ำไป แล้วเมื่อใดจะได้แสดงฝีมือ ฯ
~ เป็นเจ้าสาวโศกา เป็นภรรยาสมสุข เป็นเจ้าสาวรื่นรมย์ เป็นภรรยาอมทุกข์ ฯ
~ เป็นเด็กไม่ใฝ่การศึกษา เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก็ไม่เก่งงาน ฯ
~ เป็นช่างเสื้อและนักประพันธ์ ความคิดต้องผันตามยุคสมัย ฯ
~ เป็นเทวดาแล้วเป็นผี ย่อมไม่ดีเท่าเป็นผีแล้วเป็นเทวดา
ฯ
~ เป็นที่รักของชายชรา ดีกว่าเป็นข้าของชายหนุ่ม ฯ
~ เป็นผู้น้อยต้องคอยก้มประณมกร ยากไปก่อนค่อยสบายเมื่อปลายมือ ฯ
~ เป็นแม่ผัว ให้นึกถึงตัวเมื่อเป็นลูกสะใภ้ ฯ
~ เป็นเศรษฐีชั่วนิรันดร์ที่สันโดษ เป็นนักโทษชั่วนิรันดร์ที่ตัณหา
ฯ
~ เป็นเมียทหารต้องนับขวด เป็นเมียตำรวจต้องนับแบงก์ ฯ
~ เป็นการทำดีด้วยใฝ่ดี หากทำดีด้วยใฝ่เสียงชมเชียร์ พอใครไม่ชมไม่เชียร์ ก็รู้สึกฝ่อ ฯ
~ เป่าไฟใต้ลม ถ่มน้ำลายรดฟ้า ท่านว่าไม่พึงทำ ฯ
~ เปิดหนังสืออ่านเมื่อใด ชีวิตก็มีกำไรขึ้นเมื่อนั้น ฯ
~ ไปลามาไหว้ เป็นธรรมเนียมของไทยเรา ฯ
~ ไปศึกษาเรื่องหน้าที่ที่อื่นทำไม เพราะที่บ้านมีไว้แล้วพร้อมสรรพ
ฯ
~ ผิดผู้อื่นเท่าเหาก็เห็นได้ ผิดตนเท่าช้างควายก็ไม่เห็น ฯ
~ ผู้ขอจะขัดใจเมื่อไม่ได้ ผู้ไม่ให้จะขัดใจเมื่อใครขอ ฯ
~ ผู้ฉลาดและใฝ่สูงสะสมธรรม ผู้โง่เขลาและใฝ่ต่ำสะสมวัตถุ ฯ
~ ผู้โกรธช้าเลิศกว่าผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ ผู้ชนะจิตใจเลิศกว่าใครที่ยึดเมืองได้
ฯ
~ ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ คือผู้ทำให้ศัตรูกลับใจมาเป็นมิตร
ฯ
~ ผู้เดินทางหวังอากาศแจ่มใส ผู้ทำนาไร่หวังฟ้าหวังฝน ฯ
~ ผู้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความขลาด จะมีแต่ผิดพลาดและสูญเสีย ฯ
~ ผู้ที่ทนได้ต่อความเหลือทน นับเป็นยอดคนที่ทนโดยแท้ ฯ
~ ผู้ถึงธรรมไม่ต้องว่ายต้องหยั่ง เสมือนผู้ถึงฝั่งมีที่เหยียบและยืน
ฯ
~ ผู้นำต้องอ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น ฯ
~ ผู้บรรลุธรรมไม่เศร้าถึงอดีต
ดำรงชีวิตด้วยสิ่งปัจจุบัน ไม่เพ้อฝันถึงอนาคต ผิวพรรณจึงหมดจดผ่องใส ฯ
~ ผู้เป็นมิตรกันเสมือนปากกับมือ คือเมื่อมือเจ็บใช้ปากเป่า เมื่อเจ็บปากก็เอามือลูบ ฯ
~ ผู้มัวโง่ถือฤกษ์ยาม ประโยชน์งามย่อมล่วงเลย ฯ
~ ผู้ที่ไม่เคยพบความผิดพลาด จะไม่รู้ความสามารถของตนเอง ฯ
~ ผู้รู้แจ้งมักแสดงแบบธรรมดา ผู้รู้ครึ่งกลางมีการวางท่ามีมาดมาก
ฯ
~ ผู้เหยียบยอดต้องก้าวย่างจากล่างไป ผู้กำชัยอาจเคยแพ้มาแต่หลัง ฯ
~ ผู้อยู่กลางสนามมืดสับสนงวยงง ผู้อยู่นอกวงจะเห็นได้ชัดแจ้ง ฯ
~ ผู้อบรมดีไว้ในตน ชื่อว่าสร้างสวรรค์ไว้ในอก ผู้สะสมชั่วไว้ในตน ชื่อว่าสร้างนรกไว้ในใจ ฯ
~ ผู้ขยันหมั่นเอาธุระ ทำงานเหมาะแก่จังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้ ฯ
~ ผู้ใหญ่ดึงผู้น้อยดัน เสมอกันประคอง รับรองรั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ฯ
~ ผู้นำไร้ธรรมจะต่ำอำนาจ
ผู้นำไร้ศีลจะสิ้นชาติ ถ้าผู้นำมีทั้งศีลทั้งธรรม จะเลิศล้ำด้วยอำนาจ
ฯ
~ ผู้นำที่ดีต้องมีปัญญา มีหูตากว้างไกล มีใจเที่ยงตรง ฯ
~ ฝึกตนให้มีวินัย ฝึกใจให้มีวัฒนธรรม ฯ
~ ฝนตกเป็นปรอยปรายอยู่นาน พายุพานพัดอยู่ครู่เดียว ฯ
~ ฝนไม่มีผลต่อท้องธาร อาหารไม่มีผลต่อคนอิ่มท้อง การให้ของไม่มีผลต่อเศรษฐี ฯ
~ พรใดก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ ฯ
~ พระมีหน้าที่เทศน์ เปรตมีหน้าที่ขอ คนอยู่หลังมีหน้าที่รอ คนสอพลอมีหน้าที่เลีย ฯ
~ พอใจในเบื้องหลัง มีหวังในเบื้องหน้า ฯ
~ พ่อแม่รักเราเท่าชีวิต พ่อแม่อุทิศทั้งกายใจ พ่อแม่มอบความปลอดภัย พ่อแม่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ฯ
~ พ่อแม่ไม่บริสุทธิ์ในการครองตน คือโจรปล้นความภูมิใจของบุตร ฯ
~ พัฒนาชาติสร้างเศรษฐกิจ พัฒนาชีวิตสร้างครอบครัว ฯ
~ พันธะอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ คือการหยิบยื่นสิ่งที่ดีให้บุตรหลาน
ฯ
~ พันธะของพลเมืองที่ดีฉลาด คือการอ่อนน้อมต่ออำนาจที่ชอบธรรม
ฯ
~ พึงรักษาจิตให้ดี ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง มีสติอย่าให้พร่อง
แล้วความเศร้าหมองจะหมดไป ฯ
~ พึงระวังเมื่ออ่านเรื่องสุขภาพอนามัย เพราะเราอาจสิ้นใจจากข้อความที่พิมพ์ผิด
ฯ
~ พูดดีมีแต่มิตร พูดโดยไม่คิดชีวิตไม่มี ฯ
~ พูดจาอ่อนหวาน พูดประสานสามัคคี พูดดีมีสาระ ฯ
~ พูดเรื่องสมมุติได้นับหมื่นพันคำ พูดเรื่องสัจธรรมไม่กี่คำก็จบ ฯ
~ พูดให้คนรักยากจะหวัง พูดให้คนชังคำเดียวก็เห็นผล ฯ
~ เพราะรักโลภโกรธหลง ทำอะไรที่ควรตรงให้กลายเป็นเอียง
ฯ
~ เพิ่มพูนความขยัน แข่งขันกันประหยัด ฝึกหัดทำความดี สามัคคีร่วมชาติ ฯ
~ เพื่อนกินนับสิบที่เรามี ไม่สู้เพื่อนตายหรือเพื่อนดีเพียงคนเดียว
ฯ
~ เพื่อนกินเพื่อนกัน เพื่อนรู้ ไม่ทัน เพื่อนกันเอาไปกิน ฯ
~ ฟองคลื่นและพายุร้าย จะเข้ากับนายท้ายผู้มีความสามารถสูงสุด
ฯ
~ ฟังดูอ่านโดยไม่ไตร่ตรองเหมือนกินของแล้วไม่ย่อย
ฯ
~ ฟังเสียงภาชนะจะรู้ว่าแตกร้าวหรือไม่
ฟังคนพูดไปจะรู้ว่าโง่หรือฉลาด ฯ
~ ฟังอะไรครึ่งกลางไม่ต่างอะไรกับฟังความข้างเดียว
ฯ
~ ฟังดีมีค่าราคาสูง
ฟังไม่ดีก็ไร้ค่าราคาสูญ ฟังไว้เป็นประโยชน์โทษไม่มีดีเพิ่มพูน
ฯ
~ ฟังธรรมวันละหน่อยอร่อยความคิด ฟังธรรมวันละนิดจิตแจ่มใสฯ
~ ฟังเทศน์แล้วง่วงนอน ไม่เหมือนดูหนังดูละครตาสว่างๆ ฯ
~ ไฟพิสูจน์ทองนาก ความทุกข์ยากพิสูจน์คนกล้า ฯ
~ ภยันตรายของคนประมาท จะหนักหน่วงกว่าคนขาดความรู้ ฯ
~ ภรรยาผู้ประมาท มีโอกาสเป็นหม้ายได้ตลอดเวลา ฯ
~ ภรรยาสามี มิใช่เป็นเพียงที่รักหรือญาติสนิท แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเรา ฯ
~ ภรรยาที่ดี ไม่พึงคุยกับน้องชายสามีให้บ่อยนัก
ฯ
~ ภรรยาไร้มารยาท ถึงเป็นลูกสาวนักปราชญ์ ก็ไม่อาจทำให้งามขึ้น ฯ
~ ภัยธรรมชาติอาจหนีได้ กรรมที่ตนก่อไว้นั้นหนียาก ฯ
~ ภาวะการเมืองเวียนวน ทำให้ชีวิตคนเปลี่ยนไป ฯ
~ ภาวะที่หวังจะได้เป็นหรือเป็นอยู่ในขณะนี้ เราเป็นหนี้แม่เราไม่รู้ว่าสักเท่าใด
ฯ
~ ภูมิรู้ ภูมิธรรม
ภูมิฐาน เป็นคุณลักษณะสำคัญสามประการของครูดี
ฯ
~ มนุษย์จะกลายเป็นยักษ์
มาร เดรัจฉาน เปรต ถ้ากิเลสเข้าครอบงำ ฯ
~ มนุษย์เรามีสองหน้า หนึ่งตื่นตาอยู่ในความมืดมิด หนึ่งหลับสนิทอยู่ในความสว่าง ฯ
~ มนุษย์เราย่อมหวังสิ่งที่ยังไม่ได้ จะหวังน้อยใหญ่ก็ของใครของมัน ฯ
~ มนุษย์เรานี้จะได้ดีก็เพราะปาก จะได้ยากก็เพราะคำ ฯ
~ มรสุมทะเลสู้ด้วยเรือเหล็กหรือเรือไม้ มรสุมใจสู้ด้วยเรือธรรม ฯ
~ มองสูงมองไกล มองไปข้างหน้า แล้วอย่าช้ารีบลงมือทำ ฯ
~ มัวแต่ทำเป็นคมอยู่ในฝัก ใครจะรู้จักและส่งเสริม ฯ
~ มักง่ายใจแคบเพื่อนเหินห่าง เรียบง่ายใจกว้างเพื่อนหวนหา ฯ
~ มาวัดวันนี้มีแต่น้ำใจ มาวัดวันตายมีแต่น้ำตา ฯ
~ มิใช่เทวามาพลอยผสม มิใช่พระพรหมมาช่วยลิขิต มิใช่ญาติมิตรมาดลบันดาน ฯ
~ มีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่ ขัดสนเงินทองพี่น้องไม่มี ฯ
~ มีโพรงใหญ่ยกให้ไม้แก่ มีความรู้กระจ่างแท้ยกให้แก่เฒ่า
ฯ
~ มีม้ารถดีมีเสบียงมากมาย ก็ไม่อาจถึงจุดหมายถ้าไปผิดทาง ฯ
~ มีลูกชายไม่ให้เรียนเหมือนเลี้ยงวัวเลี้ยงม้า มีลูกหญิงไม่ให้ศึกษา เหมือนเลี้ยงม้าเลี้ยงหมู
ฯ
~ มีสมบัตินับล้านกินแค่สามเวลา มีที่กว้างสุดตาเพียงว่าใช้นอน ฯ
~ มีเต็มห้อง อาภรณ์ใช้เพียงชุดเดียว ฯ
~ มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือไหว ฯ
~ มีผัวผิดคิดจนตัวตาย ปลูกเรือนผิดคิดจนเรือนทลาย ฯ
~ มีผัวผิดคิดมีผัวใหม่ ปลูกเรือนผิดคิดรื้อเรือนขาย ฯ
~ มีลูกไว้พึ่งพา มีศาสนาไว้พึ่งใจ ฯ
~ มีเงินมีทองเจรจาได้ มีไม้มีไร่ปลูกเรือนงาม ฯ
~ มืดที่สุดแล้วสว่างได้ หลังจากโชคร้ายก็จะพบโชคดี ฯ
~ มืดบอดทางปัญญา แม้มีหูตาก็หลงทาง ฯ
~ มืดหรือสว่าง ก็ไม่แตกต่างสำหรับคนตาบอด ฯ
~ มืดค่ำส่องด้วยไฟ มืดใจส่องด้วยธรรม ฯ
~ เมื่อชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป แต่ถ้าหากไม่ดิ้นอาจต้องสิ้นใจ ฯ
~ เมื่อเด็กไม่ไฝศึกษา เมื่อโตขึ้นมาก็ไม่สามารถในงาน ฯ
~ เมื่อทำงานจงว่องไว เมื่อคิดและพูดอะไรจงรอบคอบและไตร่ตรอง
ฯ
~ เมื่อพินิจด้วยจิตสมาธิแนวแน่ อาจจะรู้ว่าอะไรแท้หรือมายาฯ
~ เมื่อมีการละเมิดศีลข้อหนึ่งได้ ก็จะลามไปข้อสองสาม ฯ
~ เมื่อรักกันอยู่ไกลก็เหมือนใกล้ เมื่อชังกันอยู่ใกล้ก็เหมือนไกล
ฯ
~ เมื่อไม่ทำความดีบนดิน
จะถวิลถึงสวรรค์นั้นอย่าหมาย ฯ
~ เมื่อยังเยาว์จะเห็นอะไรตามที่ใฝ่ฝัน เมื่ออายุนานวันจะเริ่มเห็นตามที่เป็นจริง
ฯ
~ เมื่อสมหวังให้ระวังความคิด เมื่อพลาดผิดให้มานะอดทน ฯ
~ เมื่อสองคนร่วมขี่ม้า คนหนึ่งนั่งหน้าอีกคนหนึ่งต้องนั่งหลัง
ฯ
~ เมื่ออิ่มแล้วน้ำผึ้งก็ขม เมื่อหิวซานซมของขมก็ว่าหวาน ฯ
~ แม้ท้องจะอิ่มก็ต้องเตรียมอาหารไว้ แม้ท้องฟ้าแจ่มใสก็อย่าลืมร่ม ฯ
~ แม้ในแม่น้ำอันกว้างสุดตา เรือแพนาวาก็ยังชนกัน ฯ
~ แม้ชังน้องก็อย่าลืมความดี แม้ชอบพี่ก็อย่าลืมความเลว ฯ
~ แม้ว่าคนทั่วไปใครก็มีบุตร ถ้าวัดว่าใครสวยหรือเก่งสุดก็ต้องบุตรเรา
ฯ
~ แม้หอคอยซึ่งสูงสุดตา ก็สร้างขึ้นมาจากพื้นดิน ฯ
~ แม้อิ่มก็ขอให้นึกถึงมือหน้า แม้แดดจ้าก็ขอให้นึกถึงฝน ฯ
~ ไม่พึงล้อเล่นกับกฎหมาย ความตาย และคนเสียสติ ฯ
~ ไม่พูดแล้วถูกด่า ดีกว่าถูกด่าเพราะพูดแล้วไม่รู้เรื่อง
ฯ
~ ไม่มีทุกข์ก็ไม่เข้าหาธรรม ไม่ตกต่ำก็ไม่รู้สึกตัว ฯ
~ ไม่เรียนไม่รู้
ไม่ดู ไม่เห็น ไม่ทำไม่เป็น นี้คือกฎเกณฑ์ธรรมดา ฯ
~ ไม่ว่าบ้านหรือป่า ไม่ว่าดอนหรือลุ่ม ผู้ที่กิเลส ไม่เกาะกุม อยู่ที่ไดก็รื่นรม ฯ
~ ไม่สำคัญว่ามีทรัพย์มากหรือน้อย แต่ที่สำคัญคือต้องใช้ให้น้อยต่างหาก
ฯ
~ ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ใจคนคดเคี้ยว ใช้ทำอะไรไม่ได้
ฯ
~ ไม้ต้นสูงใหญ่ในวันนี้ที่เราเห็น เคยเป็นต้นจิ๋วเมื่อวันก่อน ฯ
~ ยอครูยอต่อหน้า
ยอข้าเมื่อเสร็จกิจ ยอมิตรเมื่อลับหลัง ฯ
~ ยอมตายในการต่อสู้ ดีกว่าอยู่อย่างผู้แพ้ ฯ
~ ยอมตายอย่างใจสูงด้วยธรรม ดีกว่าอยู่อย่างตกต่ำด้วยตัณหา ฯ
~ ยากนักที่การใดจะไม่ลุผล ถ้าใช้ความอดทน และเยือกเย็น ฯ
~ ยามจนจะเห็นใจมิตรสหาย ยามป่วยไข้จะเห็นใจคู่ครอง ฯ
~ ยามตายเป็นผี ยามมีเป็นคน ยามจนเป็นหมา ฯ
~ ยามโชคดีผีเราบงการได้ ยามโชคร้ายผีจะบงการเรา ฯ
~ ยามโชคมาถึงเหล็กก็สุกใส ยามโชคจากไปแม้ทองก็หมองมัว ฯ
~ ยามสมหวังอย่าหลง ยามพราดลงอย่าท้อ ฯ
~ ยามผิดหวังให้ดูผู้ต่ำกว่า ยามสมหวังขึ้นมาให้ดูผู้อยู่สูงกว่า
ฯ
~ ยามร่ำรวยมิตรมีหลายหลาก ยามยากมิตรไม่เหลือหลอ ฯ
~ ยามค่ำคืนตื่นตาด้วยแสงไฟ ยามหวั่นไหวตื่นใจด้วยแสงธรรม ฯ
~ ยามอยู่เพื่อนก็ไว้ใจ ยามจากไปเพื่อนก็คิดถึง ฯ
~ ยามอยู่เพื่อนก็หนักใจ ยามจากไปเพื่อนก็โล่งหัวอก ฯ
~ ยามบุญมาวาสนาช่วย
ที่ป่วยก็หายที่หน่ายก็รัก หากบุญไม่มาวาสนาไม่ช่วย ที่ป่วยก็หนักที่รักก็หน่าย ฯ
~ ยามอยู่ต้องพึ่งความดีของตน ยามวายชนม์ต้องพึ่งบุญกุศลของคนที่รัก
ฯ
~ ยามอยู่ต้องอุปัฏฐาก ยามจากต้องอุปถัมภ์ ฯ
~ ยาเรือยาแพยาข้างนอก ยาขันยาจอกยาข้างใน ฯ
~ ยิ้มน้อยในดวงใจ เมตตาไว้โลกร่มเย็น ฯ
~ ยิ้มได้เมื่อภัยมา ไม่โศกาเมื่อภัยมี ฯ
~ ยิ้มไว้ใจสดชื่นอายุยืนไร้โรคา รูปร่างงามโสภา เป็นเสน่หาแก่ปวงชน ฯ
~ ยิ้มไว้ไม่ต้องเสียอะไร ให้กันได้เปล่า เพิ่มเริงร่าทบเท่า แก่ผู้เศร้าหมอง
~ คลายความลำพองแก่ผู้กล้าและได้คืนมาในทันทีที่ให้เขาไป
ฯ
~ เย็นขยันกินเหล้า เช้าขยันนอน กลางวันขยันเข้าบ่อน ดึกสลอนอยู่ที่บาร์ ฯ
~ รกคนดีกว่ารกหญ้า แต่ถ้ารกคนบ้า ๆ รกหญ้าดีกว่ารกคน ฯ
~ ร้อนปากทำให้นินทา ร้อนตาทำให้ค้อน ร้อนใจทำให้หงุดหงิด ฯ
~ รักกันเหมือนพี่ ดีกันเหมือนน้อง ปรองดองกันเหมือนญาติ ฯ
~ รัตนชาติไม่สิ้นประกาย เพียงแค่คนมักง่ายทิ้งลงในสิ่งปฏิกูล
ฯ
~ รัตนชาติเป็นอาภรณ์ประดับกาย รัตนตรัยเป็นอาภรณ์ประดับใจ ฯ
~ ระยะใกล้ทำให้เห็นความแตกต่าง ระยะห่างทำให้เห็นความคล้ายคลึง ฯ
~ ระหว่างเพื่อนรักคำเท็จไม่ควรนำมากล่าว ระหว่างคู่บ่าวสาวคำจริงไม่ควรนำมาพูด
ฯ
~ ร่างกายอาจย่อยยับเสื่อมสูญ แต่ชื่อและวงศ์ตระกูลยังอยู่ ฯ
~ รู้ผู้อื่นคือยอดเก่ง รู้ตนเองคือยอดฉลาด ถ้ารู้ทั้งสองฝ่ายไม่พลาดคือยอดคน
ฯ
~ รู้จักเหตุ-ผล-ตน-ประมาณ-กาล-ชุมชน บุคคลเป็นคนประเสริฐ ฯ
~ รู้แล้วคิดพิชิตศัตรู รู้แล้วปฏิบัติขจัดศัตรู ฯ
~ รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้ รู้ให้แน่ใช้ได้ทั้งแก้ทั้งกัน ฯ
~ รู้แล้วทำดี ชีวิตมีแต่ความสุข รู้แล้วไม่เว้นชั่ว จะหมองมัวกลั้วความทุกข์
ฯ
~ รู้เท่าเอาไว้กัน รู้ทันเอาไว้แก้ รู้ไม่เท่าไม่ทันหมดทางกันทางแก้
ฯ
~ เรียนจากครู ดูจากตำรับ สดับปาฐะ คือยอดนักปาฐะอย่างแท้จริง ฯ
~ เริ่มใจร้อนในตอนต้น จะร้อนใจตนในตอนท้าย ฯฯ
~ เริ่มจากเล็กโดยไม่ท้อใจ ย่อมไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ
~ เริ่มเป็นหนุ่มสาวจะปรารถนาความรัก เงิน แล้วก็สุขภาพ ต่อไปเมื่อซึ้งซาบ ก็ปรารถนา สุขภาพเงิน
~ แล้วก็ความรัก
ฯ
~ เรียนโดยไม่คิดจะไร้ค่า คิดโดยไม่เรียนไม่ศึกษาจะเป็นอันตราย
ฯ
~ เรื่องเกลียดชังที่ร้ายกาจ คือเครือญาติเกลียดกันเอง ฯ
~ เรือแตกจะจนชั่วเดือนปี มีครอบครัวไม่ดีจะจนชั่วชีวิต ฯ
~ เรื่องยากสามประการคือ ลืมความปวดร้าว รู้จักใช้เวลา และรักษาความลับ ฯ
~ เรื่องแรกสุดควรเป็นงาน เรื่องสำราญควรมาทีหลัง ฯ
~ เราท่านล้วนเป็นทหารสงครามในชีวิต บางคนมีตำแหน่งกระจิดริด บางคนก็ใหญ่โต
ฯ
~ เราอาจยิงนกบนท้องฟ้า ตกปลาในน้ำลึก แต่ไม่อาจหยั่งลึกถึงใจคน ฯ
~ เราอาจยังอยู่ในถ้ำเปียกชื้นเหน็บหนาว ไร้แสงแพรวพราวไร้รถและเครื่องบิน
ฯ
~ ถ้าโลกมีนักปกครองที่ปลายลิ้นเอ่ยแต่คำว่า “ทำไม่ได้”
ฯ
~ แรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ครั้นเนิ่นนานน้ำตาลก็กร่อยขม ฯ
~ ไร้เงินทองเป็นหนอนทาก มีเงินมากเป็นมังกร ฯ
~ ลมที่เคยโชยชื่นเย็นสบาย ก็อาจพัดความแรงร้ายมาสู่เรา ฯ
~ ล้มเพราะเดินเพราะวิ่ง ดีกว่าหยุดนิ่งอยู่กับที่ ฯ
~ ลมอ่อนกระพือไฟ ลมจัดไปไฟก็ดับ ฯ
~ ลองถามตัวเองไว้ว่า อยู่นานไปเราเกิดความแก่กล้า หรือเพียงแต่แก่ตัวลง ฯ
~ ลำบากเพราะการงาน
ดีกว่าสำราญแล้วกลุ้ม ยอมลำบากเมื่อหนุ่ม ดีกว่ากลุ้มเมื่อตอนแก่ ฯ
~ ลิงค่างเป็นสัตว์ที่น่าเกลียด และลักษณะก็กระเดียดมาทางเรา ฯ
~ ลิ้นไม่มีกระดูกก็จริง แต่คมยิ่งกว่าฟัน ฯ
~ ลิ้นคนสามนิ้วฟุต อาจฆ่ามนุษย์คนใดได้เสมอ ฯ
~ ลิ้นอยู่ได้นานก็เพราะอ่อน ฟันหลุดก่อนก็เพราะแข็ง ฯ
~ ลูกแม่มดอาจถูกฆ่าด้วยวิญญาณร้าย ลูกยอดหมออาจตายด้วยโรคธรรม ฯ
~ เล่นกับหมา หมาเลียปาก เล่นกับสาก สากตีหัว ฯ
~ โลกสดสวยด้วยกตัญญู
โลกหดหู่เมื่อกตัญญูเหือดหายไป ฯ
~ โลกพินาศเพราะขาดเมตตา โลกจะโสภาเพราะเมตตาค้ำจุน ฯ
~ โลกนี้มีสรรพสิ่งอัศจรรย์ แต่มนุษย์เรานั้นอัศจรรย์เหนือสรรพสิ่ง
ฯ
~ โลภเกินการจะทำงานผิดพลาด หยิ่งเกินขนาดจะทำงานไม่สำเร็จ ฯ
~ วันเวลาผ่านไปสอนให้รู้ ชีวิตอยู่ต้องสู้ทนจนสมหวัง
~ วัยแรกไม่หาวิชา วัยสองไม่หาทรัพย์ วัยสามไม่ทำความดี วัยสี่จะทำอะไรได้ ฯ
~ วาจาจากปาก ลูกธนูจากแล่งโอกาสพลาดแพลง และเวลาที่ผ่านไป
เหลือวิสัยจะเรียกคืน ฯ
~ วารีไม่คอยท่า เวลาไม่คอยใคร ฯ
~ วางแผนชีวิตถูกก็จะสดใส วางผิดไปจะทุกข์นานปี ฯ
~ เวลาเป็นสิ่งไร้น้ำใจ ไม่ว่าสิ่งสวยงามใดก็จะถูกทำลาย ฯ
~ เวลาแห่งความพยายามในวันนี้ จะสร้างเวลาอันสุขศรีในวันหน้า ฯ
~ เวลาแห่งทุกข์ทรมานผ่านไปช้า เวลาแห่งความสุขสมปรารถนาผ่านไปเร็ว
ฯ
~ เวลาล่วงเกินใคร ก็หวังการอภัยจากเขา เวลาใครล่วงเกินเราก็กลับลืมอภัย
ฯ
~ เวลารักกันก็สารพันว่าดี โกรธกันเข้าซีอัปรีย์ไปสารพัน ฯ
~ เวลารักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ครั้นเนิ่นนานน้ำผึ้งหวานก็ว่าขื่น
ฯ
~ ไว้ใจกัน เข้าใจกัน จริงใจต่อกัน เท่ากับสร้างสรรค์สันติภาพ ฯ
~ ศัตรูคนหนึ่งอย่าคิดว่าน้อย มิตรหนึ่งร้อยอย่าคิดว่ามาก ฯ
~ ศัตรูที่เปิดเผยถึงน่ากลัวก็ไม่มาก เพื่อนที่เสแสร้งต่างหากที่น่ากลัวนักหนา
ฯ
~ ศีลส่งทำให้สูง ศีลปรุงทำให้สวย ศีลนำทำให้รวย ศีลช่วยทำให้รอด ฯ
~ สร้างพระเดชมีแต่ขาดทุน สร้างพระคุณมีแต่กำไร ฯ
~ สภาพของเรา เราควรพอใจ อย่าเปรียบกับใครจะสบายใจไปตลอด
ฯ
~ สมองมีไว้สำหรับคิด ถ้าไม่ฝึกอยู่เป็นนิตย์ ความคิดจะตื้อตัน ฯ
~ สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา ฯ
~ สะเก็ดเดียวของไฟอาจเผาผลาญทั้งป่า คำเดียวของผรุสวาจาอาจทำลายความดี
ฯ
~ สาธุชนคิดถึงบาปบุญคุณโทษ ทรชนคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน ฯ
~ สามสิ่งล้ำค่าในโลกใบนี้มีอาหาร วิทยาการ และมิตรภาพ ฯ
~ สำเร็จเมื่อคิด สัมฤทธิ์เมื่อทำ ฯ
~ สมบัติของลูกผู้หญิงคือความละอาย สมบัติของลูกผู้ชายคือความอดทน ฯ
~ สังขารจะสวยต้องหมั่นขัดสี คนจะดีต้องหมั่นฟังเทศน์ ฯ
~ สังคมมีภัยเพราะประชาชนไร้ธรรม สังคมเสื่อมทราบเพราะผู้นำไร้ศีล
ฯ
~ หากศีลธรรมสิ้น ปฐพินจะลุกเป็นไฟ ฯ
~ สิ่งแวดล้อมปลอดพิษ
ไทยทั่วทิศปลอดภัย ร่วมอนุรักษ์ป่าไม้ เศรษฐกิจทั่วไทยรุ่งเรือง ฯ
~ สิ่งดีงามคือสุขภาพอนามัย สิ่งร้ายมีภัยคือโรคาพยาธิ ฯ
~ สิ่งที่น่าเสียดายสามสิ่งคือ
ไม่ได้ศึกษา ปล่อยเวลาให้สูญเสียไป และไม่ได้สร้างอะไรไว้เลย
ฯ
~ สิบนิ้วของท่านยังไม่เท่า แล้วอื่นเล่าจะให้เท่ากันนั้นไฉน
ฯ
~ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ สิบมือคลำไม่เท่าทำเอง ฯ
~ สิบปีแห่งความดียังไม่พอใช้ วันหนึ่งแห่งความชั่วร้ายก็มากเกินไป
ฯ
~ สิ้นทรัพย์นั้นไม่เป็นไร แต่สิ้นกำลังใจเท่ากับสิ้นทุกอย่าง
ฯ
~ สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ก็เราสองเท้าโด่เด่มันก็มีเซลงบ้าง
ฯ
~ สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้ผิด บรรพชิตยังรู้เผลอ ฯ
~ เสนียดของชีวิต อยู่ที่เป็นเท้าพระยาลืมก้น ต้นไม้ลืมดิน
~ ปักษินลืมไพร ใครพบก็ไม่รัก ใครรู้จักก็ไม่นิยม ฯ
~ เสียงดังหน้าแดงแต่แรงไม่ออก เป็นผู้นำไม่ได้ ฯ
~ เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร ได้ทองเท่าหัวให้เฉดหัวมันไป ฯ
~ สุภาพชนต่อรองด้วยถ้อยคำ คนใจต่ำต่อรองด้วยกำลัง ฯ
~ เสียรู้ครั้งหนึ่งพึงจดจำ อย่าให้เกิดเสียซ้ำเป็นครั้งสอง
ฯ
~ เสี้ยวจันทร์ยังมีวันเต็มดวง คนเราก็ต้องมีช่วงที่จะพบความสำเร็จ
ฯ
~ แสวงลาภจากงาน ดีกว่าบนบานบวงสรวง ฯ
~ แสงทองของท้องฟ้า
เกิดได้เพราะดวงอาทิตย์ แสงทองของชีวิต เกิดได้เพราะตัวเราเอง ฯ
~ หญิงงามคือแก้วมณี หญิงดีคือกรุสมบัติ ฯ
~ หญิงที่เกียจคร้าน ถึงรูปสวยสะคราญก็สิ้นศรี ฯ
~ หญิงไม่มีผัวเหมือนวัวไม่มีเขา
ฯ
~ หน้าร้อนผ่านก็ลืมพัดด้ามน้อย แต่งงานเสร็จเรียบร้อยก็ลืมแม่สื่อ
ฯ
~ หนึ่งเพื่อนแท้เพื่อนชั้นเยี่ยม ดีกว่าเพื่อนเทียมพันคน ฯ
~ หมากรุกจะเดินยังต้องคิด หมากชีวิตไม่คิดจะเดินได้อย่างไร
ฯ
~ หมากัดคนเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนกัดหมาเป็นข่าว ฯ
~ ห่วงบ้านต้องล้อมรั้ว ห่วงครอบครัวอย่ามั่วอบายมุขฯ
~ หมื่นแสนบาทหากแม้นเป็นของเขา ในถุงเราสลึงเดียวยังดีกว่า ฯ
~ หากสูงหมายปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือฯ
~ หากรู้จักใช้จังหวะหุบปากและหยุดลิ้น ก็เรียกว่ามีศิลปะในการสนทนา ฯ
~ หินลับมีดให้คมเพื่อใช้งาน ประสบการณ์ลับคนเพื่อให้มีปัญญาและสามารถ
ฯ
~ หุงข้าวหวงถ่าน ทำงานหวงทุน ทำบุญหวงทรัพย์ นับว่าไร้ประโยชน์ ฯ
~ เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง ทำจิตให้ว่างจะไม่ต้องแบกโลกไว้ ฯ
~ เหล็กท่านว่าแข็งกระด้าง เอาเงินง้างอ่อนได้ตามประสงค์ ฯ
~ อกหักเพราะรักร้าง ดีกว่าอ้างว้างเพราะไร้รัก ฯ
~ อดแทบตายก็อย่าลักอย่าปล้น ถูกยั่วจนสุดทนก็อย่างก่อคดี ฯ
~ อยากจะดีให้แก้ไข อยากบรรลัยให้แก้ตัว ฯ
~ อยากรวยต้องขยัน อยากมีหลักฐานต้องประหยัด ฯ
~ อยากสบายให้ขวนขวายทำดี อยากเป็นเศรษฐีให้รู้จักประหยัด ฯ
~ อย่าคิดว่าตนนั้นเลว จนแผ่นดินที่จะเหยียบไม่มี อย่าคิดว่าตัวเองนั้นดี จนไม่มีใครกล้าแตะต้อง ฯ
~ อย่าทำตัวห่อเหี่ยว เหมือนข้าวเหนียวค้างคืน ไม่น่าหยิบ
ไม่น่ายื่น ไม่น่ากลืนไม่น่ากิน ฯ
~ อย่าคำนึงถึงอดีต อย่าคิดถึงอนาคต แต่จงกำหนดปัจจุบัน ฯ
~ อย่าพูดให้ใครช้ำ อย่าทำให้ใครเจ็บ อย่าเหน็บให้ใครเคือง ฯ
~ อย่าถือศัตรูเป็นคู่แข่ง จงไปด้วยแรงของตนเอง ฯ
~ อย่าถ่อมตนกับคนยโส อย่าวางโตกับผู้ถ่อมตน ฯ
~ อย่าทำใจแข็งเมื่อเขาทุกข์ร้อน อย่าทำใจอ่อนเมื่อเขายกยอ ฯ
~ อย่าทำตนประดุจน้ำค้างบนยอดหญ้า ที่พอตะวันผ่านพ้นขอบฟ้าก็เหือดหาย
ฯ
~ อย่าลำพองในคำเยินยอของมิตรสหาย อย่าหวั่นไหวในคำหมิ่นของศัตรู ฯ
~ อย่าสะสมทรัพย์ให้บุตรมากไป เขาจะเข้าใจว่าไม่ต้องทำงาน ในอนาคตกาลจะเป็นคนไร้ค่า ฯ
~ อยู่คนเดียวอยู่แค่สิ้นลม อยู่เพื่อสังคมอยู่คู่ฟ้าดิน ฯ
~ อยู่บ้านช่วยงานพ่อแม่ ลูกที่ดีแท้พ่อแม่ชื่นใจ ฯ
~ อยู่โรงเรียนเคารพคุณครู เรามีความรู้คุณครูชื่นใจ ฯ
~ อยู่คนเดียวให้ระวังยั้งความคิด อยู่ร่วมมิตรให้ระวังยั้งคำขาน ฯ
~ อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่ร่วมมิตรให้ระวังวาจา อยู่ร่วมสีกาให้ระวังทุกอย่าง ฯ
~ อันคนดีอยู่ที่ไหนใครก็รัก จากเขาก็อาลัย ตายก็มีคนเสียดายคิดถึง ฯ
~ อดีตคือสิ่งที่ผ่าน อนาคตคือสิ่งที่ฝัน ปัจจุบันเท่านั้นคือความจริง ฯ
~ อะไรที่ถูกต้องแม้ไม่ถูกใจ พึงยึดไว้เป็นหลัก ฯ
~ อาหารจำเป็นต่อสังขารฉันใด สติก็จำเป็นต่อความเคลื่อนไหวของชีวิตฉันนั้น
ฯ
~ อาหารแม้จะเลิศรส แต่ไม่ตรงกับรสนิยมก็หมดอร่อย ฯ
~ อายุสังขารมีประมาณน้อย อายุยังไม่ทันถึงร้อยก็เป็นผี ฯ
~ อำนาจวาสนา เป็นที่มาแห่งความกังวล ฯ
~ อุตสาหะตั้งใจ ใฝ่งาน บันดาลอะไรก็สำเร็จ ฯ
~ อุปสรรคและปัญหา เป็นที่มาแห่งความสำเร็จ ฯ
~ เอาน้ำมาสอนปลา เอาปลามาสอนนก เอานรกมาสอนเปรต ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น