วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

คติธรรมคำคม


~  กระจกไว้ส่องหน้า   ปัญญาไว้ส่องใจ ฯ
~  กระทำการไม่เบื่อหน่าย   คือเครื่องหมายความสำเร็จ ฯ
~  กลองจะดังก็เพราะตี  ศิษย์จะดีก็เพราะครู ฯ
~  กล้าหาญทางกาย  คือ เผชิญความตายโดยไม่พรั่น  กล้าหาญทางใจ  คือไม่หวั่นความรักชัง ฯ
~   กว้างอะไรไม่ยิ่งใหญ่เท่าใจกว้าง ฯ
~  ก่อนพูดเขียนถ้าใคร่ครวญให้แน่ชัด  เวลาจะประหยัดลงเหลือหลาย ฯ
~  ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด  พูดแล้วคำพูดเป็นนายเรา ฯ
~  กับผู้ชราเราให้โอกาสผ่อนพัก  กับมิตรรักให้ความจริงใจ กับผู้เยาว์วัยให้ความอ่อนโยน ฯ
~  กายมีศีลสุขล้ำ  ใจมีธรรมสุขเลิศ  มีทั้งศีลทั้งธรรมจะมีแต่ความล้ำเลิศ ฯ
~  การเกิดของความเบื่อหน่าย  คือความตายของความพยายามฯ
~  การเกิดมีเป็นเพราะเหตุปัจจัย  ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นด้วยตนเอง ฯ
~ การกระทำให้อยู่หน้า  การพูดจาให้อยู่หลัง ฯ
~ การกล่าวว่าเขาโกหก  ไม่ใช่เรื่องตลกแต่เป็นเรื่องร้ายแรง ฯ
~ การกระทำบ่งชี้ปัญหา  การเจรจาบ่งชี้ความคิด  การเพ่งพินิจบ่งชี้ปัญญา ฯ
~ การโกรธเป็นปุถุชนวิสัย  การอภัยเป็นวิสัยบัณฑิต ฯ
~ การกินพึงลดให้ต่ำ  การปฏิบัติธรรมพึงเพิ่มให้สูง ฯ
~ การขาดศรัทธาที่น่ากลัว  คือการไม่เชื่อตัวของเราเอง ฯ
~ การคิดตัดสินใจและใช้เหตุผล   เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้นำ ฯ
~ การคร่ำครวญสะอื้นอ้อน  คือเสียงสะท้อนของการสงสารตัวเอง ฯ
~ การช่วยชีวิตคนหนึ่งไว้ ได้บุญมากกว่าสร้างเจดีย์ใหญ่ไว้หนึ่งองค์ ฯ
~ การเดินทางจะสอนคน ให้รู้จักผ่อนปรนในชีวิต ฯ
~ การเดินทางหนึ่งหมื่นไมล์  ก็เริ่มต้นด้วยการออกไปด้วยเท้าทั้งสอง ฯ
~ การเตือนคนฉลาด  คืออันตรายและข้อผิดพลาดมากมายของคนเขลา ฯ
~ การที่คนให้ของแก่ใครไป  อย่าเข้าใจว่าคนใจบุญ ฯ
~ การทำความดีมีได้ทุกโอกาส  ความประมาททำให้พลาดจากความดี ฯ
~ การนิ่งฟังถูกจังหวะ  เป็นศิลปะอย่างหนึ่งของการสนทนา ฯ
~ การบังคับคนให้ทำสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ  นับว่าหนักไปกว่าการลงโทษ
~ การประจบประแจงคือ สิ่งสำแดงของความเป็นทาส การประจบผู้มีอำนาจ เป็นธรรมชาติของโลกียชน ฯ
~ การปรารถนาถึงสิ่งที่เราไม่มี  ทำให้สิ่งดีที่เรามีถูกมองข้ามไป ฯ
~ การป้ายความผิดให้คนบริสุทธิ์  บาปเหมือนฆ่ามนุษย์ที่ไร้เดียงสา ฯ
~ การเป็นศัตรูขึ้นอยู่กับสองฝ่าย  การเป็นมิตรสหายก็เช่นเดียวกัน ฯ
~ การปกปิดความโง่  จะเพิ่มความโง่ของเรา ฯ
~ การยอมรับความโง่เขลา  จะทำให้เราฉลาดขึ้น ฯ
~ การไปวัดไม่อาจชี้ได้ว่ามีศาสนา  การไปสถานศึกษาไม่อาจชี้ได้ว่ามีความรู้ ฯ
~ การมานะบากบั่นเพื่อผลสัมฤทธิ์  จะพิชิตความอับโชค ฯ
~ การไม่รู้อิ่มเพราะเป็นทาสตัณหา  ทำให้โลกาบกพร่องอยู่เป็นนิตย์ ฯ
~ การพูดหรือท่องจำโดยไม่รู้ความหมายของถ้อยคำ  คือกิจกรรมของนกแก้ว ฯ
~ การเยี่ยมเยือนเป็นการกระชับมิตร  แต่ไม่ควรคิดทำบ่อย ฯ
~ การลุ่มหลงสิ่งใดเกิดจากการครอบงำของความคิดฝัน  มิใช่การกรองกลั่นพิจารณา ฯ
~ การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นเขา  คือการประกาศความรู้สึกและภูมิปัญญาเราให้คนรู้ ฯ
~ การศึกษาด้วยวิธีอ่านแต่ขาดการปฏิบัติ  ความรู้แจ่มชัดเกิดได้ยาก ฯ
~ การศึกษาไม่ใช่การหว่านพืชให้ใคร  แต่คือการทำให้พืชภายในเขางอกงาม ฯ
~ การสมานสามัคคีให้ดีอยู่  จะสู้ศึกศัตรูทั้งหลายได้ ฯ
~ การแสดงมารยาทเลวกับคนดี  คือวิธีประจานตนเอง
~ การแสวงหาสิ่งใดถ้าไม่มีวิธีการ  ก็อย่าไปทนทุกข์ก่อสังขารแสวงหา ฯ
~ การหัวเราะคือแสงจากฟ้า  ที่ขจัดความครึ้มบนใบหน้าของคนได้ ฯ
~ การหัวเราะขบขัน คือแสงตะวันในครัวเรือน ฯ
~ กาลเวลาผ่านผัน  ทุกสิ่งอันย่อมเปลี่ยนแปลงฯ
~ ก้าวจากรวยสู่จนนั้นง่ายดาย  แต่ก้าวจากจนขึ้นสู่รวยนั้นแสนยาก ฯ
~ ก้าวไปด้วยความมั่นคง ยืนยงด้วยความมั่นใจ  จะคิดจะทำอะไร  ต้องใคร่ครวญและไตร่ตรอง ฯ
~ ก้าวมั่นด้วยกำลังกาย  ประคองไว้ด้วยกำลังสติ ฯ
~ กำลังใจมีมากความลำบากจะลดน้อย   กำลังใจถดถอยความลำบากจะเพิ่มทวี ฯ
~ กินข้าวต้องทีละคำ  จะเรียนจะร่ำต้องจากต่ำไปสูง ฯ
~ เก่งผิดที่  ดีแต่ปาก  จะทุกข์ยากจนตาย ฯ
~ เกิดมาเป็นคนต้องสร้างตนให้มีดี  ตายไปทั้งทีต้องฝากดีเอาไว้ ฯ
~ คนเป็นคน  ค้นให้ทั่ว  ปากไม่ล้น  ก้นไม่รั่ว  ชั่วไม่เอา  เมาไม่มี  นี่คือคน ฯ
~ เกิดเป็นคน แล้วต้องเตรียม  ถ้าไม่เตรียมเสียเหลี่ยมความเป็นคน ฯ
~ เกิดเป็นหญิงสาวเป็นได้คราวเดียว เสียแล้วซีดเซียวกว่าเสื้อผ้า 
~ เอาแฟ้มมาฟอก ก็ไม่โสภา  ไม่เหมือนเสื้อผู้ที่สวมอินทรีย์ ฯ
~ เกรงใจไม่เป็นคือคนพาล  เกรงใจตลอดกาลคือคนโง่ ฯ
~ เกียจคร้านและสุรุ่ยสุร่ายทำให้อัตคัด  ขยันและประหยัดทำให้ร่ำรวย ฯ
~ เกลียดกันอยู่ใกล้ก็เหมือนไกล  รักใคร่อยู่ไกลก็เหมือนใกล้ ฯ
~ เกือกคับ  เรือรั่ว  เพื่อนชั่ว  นายชัง นั่งติดกองไฟ   ไม่มีสุข ฯ
~ แกงจืดจึงรู้คุณเกลือ  หนูกัดเสื้อจึงรู้คุณแมว ฯ
~ แก่แล้วต้องเตรียม  ถ้าไม่เตรียมเสียเหลี่ยมคนแก่ ฯ
~ ขยันแต่ไม่ประหยัด  ขจัดความจนไม่ได้ ฯ
~ ขยันฟัง  ขยันจำเป็นบัณฑิต  ขยันใคร่ครวญขบคิดเป็นนักปราชญ์ ฯ
~ ข้อความที่เป็นสัจธรรม  ไม่จำต้องประดิษฐ์ประดอย ฯ
~ ข้อขัดแย้งเรื่องหลักการ  อย่าให้แผ้วพานเรื่องส่วนตัว ฯ
~ ของกินไม่กินก็บูดเน่า  ของเก่าไม่เล่าก็ลืม ฯ
~ ของใช้เลือกของใหม่  มิตรคู่ใจเลือกคนเก่า ฯ
~ ของที่เก็บรักษาหาใช่ของเราไม่  ของที่ให้คนอื่นไปนั่นแหละของ ๆ เรา ฯ
~ ขัดหลักขัดลายให้ผล  ขัดคอคนให้โทษ ฯ
~ ขันติธรรมนำสุขและผลสัมฤทธิ์  ยิ่งกว่าความคิดใช้กำลัง ฯ
~ ข้าศึกย่อมมีวันสิ้นสลาย   แต่มิตรภาพดำรงไว้ชั่วกาลนาน ฯ
~ ขาวทำให้เด่น  เฉกเช่นชั่วกับดี ฯ
~ ข่าวร้ายมักไปเร็วไปไกล  ข่าวลือมักเหลวไหลเสียกว่าครึ่ง ฯ
~ ข้าวรวงงามในทุ่งเป็นของเพื่อนบ้าน หญิงงามที่พบผ่านเป็นของคนอื่น ฯ
~ ขี้เกียจเป็นแมลงวัน  ขยันเป็นแมลงผึ้ง  ขี้หึงเป็นแมลงป่อง  ขี้จองหองเป็นกิ้งก่า ฯ
~ ขี้ข้าได้ดีเหมือนสังกะสีปนนาก  ผู้ดีตกยากเหมือนนากปนทอง ฯ
~ ขี้โฉดทนฉ้อ  ขี้ขอทนอาย ฯ
~ ขี้แล้วเต้นคือกบ  ขี้แล้วกลบคือแมว  ขี้แล้วแจวคือหมา  ขี้แล้วรักษาคือคน ฯ
~ ขึ้นชื่อว่าศิลป์หมิ่นไม่ได้  จะเช่นหนึ่งๆ        เช่นใด  ก็ยังประโยชน์ ฯ
~ ขุนเขาไม่กระเทือนด้วยลมกรรโชก  บัณฑิตไม่ไหวโยกด้วยคำติชม ฯ
~ ขุนเขายังพังทลาย  ไม้ใหญ่ยังหักโค่น  คนก็ย่อมร่วงหล่นไปตามธรรมชาติ ฯ
~ ขุนเขาที่สลับซับซ้อน  ยังไม่ยอกย้อนเท่าใจคน ฯ
~ เข้านอนหิวและอดตอนกลางคืน  ดีกว่าตอนเช้าตื่นก็พบหนี้สิน ฯ
~ แขกที่มาทุกวัน  คือโจรตัวฉกรรจ์ที่ปล้นครัวเรือน ฯ
~ แขวนของขลังไว้ที่คอพอคุ้มได้  แขวนของขลังไว้ที่ใจยิ่งได้ผล ฯ
~ คติใด ก็ไร้ความหมาย  ถ้าไม่ฝังลึกในใจกายรวมก่อเป็นนิสัย ฯ
~ คนเก่งจะไม่คุยโม้  คนคุยโวจะไม่เก่ง ฯ
~ คนเก่งที่เห็นแก่ตัว  คือคนชั่วที่เป็นภัยสังคม ฯ
~ คนเก็บกุหลาบย่อมซึ้งทราบในรสหนาม ฯ
~ คนขยันและชำนาญย่อมทำงานได้เกือบทุกอย่าง ฯ
~ คนขลาดแสดงอำนาจในบ้าน  คนกล้าหาญแสดงในสนามรบ ฯ
~ คนโง่ที่ซื้อหา  มีมากกว่าคนโง่ที่ค้าขาย ฯ
~ คนโง่เราดูว่าไม่เข้าท่า  แต่คนโง่กว่าปรบมือชมเชย ฯ
~ คนโง่พูดเป็นกระบุงเรื่องศาสนา  แต่ปฏิบัติเท่าเมล็ดงาก็ไม่ได้ ฯ
~ คนโง่ยืนความคิดติดเด็ดขาด  คนฉลาดจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ฯ
~ คนจนยิ่งจนเพราะทำรวย  คนรวยยิ่งรวยเพราะทำจน ฯ
~ คนจนอยู่ใกล้ไม่มีใครถามหา  คนรวยอยู่สุดหล้าคนเวียนหาอยู่ตลอด ฯ
~ คนจนไม่อาจทะเลาะกับคนมั่งมี  เศรษฐีไม่อาจทะเลาะกับขุนนาง ฯ
~ คนจนไม่มอดม้วย  คนรวยก็อยู่ได้  ยาจกไม่ชี้เศรษฐีก็สบาย ฯ
~ คนจนจะเวียนวนหาหมอดู  ส่วนคนรวยจะเวียนอยู่กับหมอยา ฯ
~ คนจมน้ำตายมีหลายหมื่น  คนจมเหล้าไม่ฟื้นมีหลายแสน ฯ
~ คนจะดีเด่นเฉกเช่นดนตรี  ต้องเขย่าเป่าตีดีดสีจึงจะดัง ฯ
~ คนใจกว้างไม่สู้จะโง่เขลา  คนโง่เงาไม่สู้จะใจกว้าง ฯ
~ คนใจแคบจะกังวลไปทุกอย่างคนใจกว้างจะยอมรับและปรับตัว ฯ
~ คนใจไม่สะอาดเมื่อตนผิดพลาดก็พาลโกรธผู้อื่น ฯ
~ คนจะกลายเป็นยักษ์มาร  เดรัจฉาน  เปรต ถ้ากิเลสครอบงำ ฯ
~ คนฉลาดเห็นอันตรายก็หลีกหลบ  คนโง่พบอันตรายก็เข้าไปหา ฯ
~ คนฉลาดจะมุ่งสิ่งที่สามารถทำ  แต่คนฉลาดเลิศล้ำจะมุ่งสิ่งที่พึงควร
~ คนฉลาดสร้างภาษิตประดิษฐ์คำ  คนโง่เพียงแต่กล่าวคำซ้ำและลอกเลียน ฯ
~ คนฉลาดเลี้ยงใคร ได้อักโข  แต่คนโง่เลี้ยงตนเองก็ไม่ได้ ฯ
~ คนใจสูงชักชวนด้วยคุณธรรม  คนใจต่ำชักชวนด้วยอามิส ฯ
~ คนฉลาดอาจเป็นตัวตลก  ถ้าตกอยู่ในหมู่คนโง่ ฯ
~ คนฉลาดใช้สมองแก้ปัญหา  ส่วนคนขาดปัญญาใช้แรงกาย ฯ
~ คนฉลาดพูดว่ากำลังแสวงหา  คนโง่พูดว่าได้พบแล้ว ฯ
~ คนฉลาดจะไม่ทิ้งสิ่งดี ขณะเดียวกับทำสิ่งที่มีให้ดีขึ้น ฯ
~ คนชอบจะชมว่าเราดี  คนชังจะโจมตีว่าเราชั่ว ฯ
~ คนโชคร้ายดูว่ากาลผ่านไปช้า  คนโชคดีดูว่าเวลาผ่านไปเร็ว ฯ
~ คนจำนวนหนึ่งล้มคว่ำบนถนน  มิใช่รถเฉี่ยวชนแต่เพราะคำคนนินทา ฯ
~ คนดีมุ่งพิจารณาค่าคุณโทษ  คนชั่วโฉดมุ่งผลของตนเอง         
~ คนดีพิจารณาความชั่วจะปวดหัว  พอกับคนชั่วพิจารณาความดี ฯ
~ คนดีทำดีงายทำชั่วยาก  คนชั่วทำดีลำบากทำชั่วง่ายฯ
~ คนได้รับคำแนะนำมีดื่นดาษ  แต่คนฉลาดเท่านั้นจะได้ประโยชน์ ฯ
~ คนตาบอดสอนคนฉลาดว่า  อย่าก้าวไปข้างหน้าก่อนไม้เท้าคลำทาง ฯ
~ คนทำงานที่โง่เขาจะตำหนิเอาเครื่องมือของตน ฯ
~ คนที่ชอบยุ่งเรื่องวิวาทของใคร คือคนที่เข้าไปจับหูหมาบ้า ฯ
~ คนที่ขาดรองเท้า  ให้คิดถึงเขาผู้เท้าขาด ฯ
~ คนที่ชื่อว่าธรรมะธรรมโม  แต่เจ็บป่วยผอมโซอยู่เป็นนิตย์ จะต้องมีอะไรพลาดผิดอยู่ในตัวเขาเป็นแน่ ฯ
~ คนที่น่าเกลียดคือคนซึ่งโงในการงาน  แต่ฉลาดฉาดฉานในการพูด ฯ
~ คนที่พูดน่าเบื่อหน่ายนั้น  พูดสั้น ไม่ค่อยมี ฯ
~ คนที่มุ่งของอยู่ใกล้  ยากที่จะวิเคราะห์ของใหญ่และอยู่ไกลตา ฯ
~ คนที่รวยแท้คือคนที่ตระหนักแน่ในคำว่าพอ ฯ
~ คนที่รู้แต่โลกียธรรม  เหมือนปลาที่รู้จักน้ำแต่ไม่รู้จักดิน ฯ
~ คนที่รู้แท้มีน้อยยิ่งแต่คนที่ใส่ใจอะไรจริงยิ่งน้อยกว่า ฯ
~ คนที่เสียสละจะถูกกล่าวหาว่าโง่หรือบ้าอยู่เสมอ ฯ
~ คนที่เห็นแก่นอนกับกิน  อย่าถวิลหาว่าจะทำงานใหญ่ได้ ฯ
~ คนตายเพราะอดอยากไม่มากเท่ากับคนตายเพราะอิ่ม ฯ
~ คนบางคนอยากรู้ทั่วจักรวาล  ทั้งที่เดินบริเวณบ้านก็หลง          
~ คนปัญญาด้อย  ได้สุขสำราญนิดหน่อยก็มัวเมา ฯ
~ คนปัญญาดีชมคนปัญญาด้อย  คนปัญญาน้อยชมตัวเขาเอง ฯ
~ คนปวดฟันจะรู้สึกว่า  คนผู้มีสุขล้นฟ้าคือคนที่ไม่ปวดฟัน ฯ
~ คนที่พูดน้อยและไม่อิจฉาใคร  จะสุขกายสบายใจทุกเมื่อฯ
~ คนพูดปด มักอุดมไปด้วยคำสาบาน ฯ
~ คนเป็นครูจะเป็นอย่างแม่ปูหรือแม่พิมพ์ ฯ
~ คนพาล เดรัจฉาน หรือบัณฑิต  ต่างก็มีกรรมตรึงติดเป็นเครื่องหมาย ฯ
~ คนมองโลกในแง่ร้ายไม่เห็นกุหลาบเพราะมองแต่หนาม 
~ คนมองโลกในแงดีงาม ไม่เห็นหนามเพราะมองแต่กุกลาบ ฯ
~ คนมีฝีมือที่อับปัญญา คือผู้สร้างปัญหาให้แก่วงการ ฯ
~ คนยอดตระหนี่อยากจะจุดนิ้วชี้แทนเทียนไข ฯ
~ คนเราถ้าปล่อยวางลงได้เมื่อใด  ก็จะยิ้มได้อย่างสุขเสรี ฯ
~ คนเรามักมุ่งเรียนสิ่งนอกตนและห่างไกล  มองผ่านสิ่งภายในและใกล้ตน ฯ
~ คนร่วมชะตากรรมมักมีความรักเสน่หา  คนร่วมกิจการค้ามักมีความคิดคด ฯ
~ คนมั่งมีคิดถึงวันข้างหน้า  คนจนอนาถาคิดถึงปัจจุบัน ฯ
~ คนอยู่บนฝั่งจะรีบลงมา  คนอยู่ในนาวาจะรีบขึ้นไป ฯ
~ คนเรามักหาเหตุผลมาอ้าง  เพื่อทำทุกอย่างที่ตั้งไว้ ฯ
~ คนมักโกรธมักไม่ได้ประโยชน์จากคำเตือน ฯ
~ คนมีโชคเรื่องความรัก  ควรจะพักเรื่องการพนัน ฯ
~ คนมุ่งสัมฤทธิ์จะสร้างโอกาส  คนเขลาขลาดจะรอโชค
~ คนมีแผนจะกลุ้มใจก่อนจ่าย  คนไร้แผนจะกลุ้มใจเมื่อจ่ายแล้ว ฯ
~ คนไม่ทำความดี  สวดมนต์ทั้งปีก็ไม่มีคุณค่า  ฯ
~ คนไม่รู้งงงัน  คนกล้าไม่พรั่น  คนดีนั้นไม่วิตก ฯ
~ คนรู้จริงไม่กังขา คนเมตตาไม่ทุกข์ใจ คนกล้าหาญชาญชัยไม่พรั่นกลัว ฯ
~ คนส่วนใหญ่จะรู้วิธีประจบ แต่ส่วนน้อยจะรู้วิธีชมเชย ฯ
~ คนสุขุมเอาลิ้นไว้ที่ใจ  คนเลินเล่อเผลอไผล  เอาใจไว้ที่ลิ้น ฯ
~ คนอัจฉริยะจะค้นพบอะไรด้วยวิธีพิลึกประหลาด  แต่คนเจ้าอารมณ์จะพลาดไม่ได้พบอะไร ฯ
~ คนอัจฉริยะเรียนจากธรรมชาติ  คนฉลาดเรียนจากหนังสือ ฯ
~ คนอับโชคดูว่ากาลผ่านไปช้า  คนสบโชคดูเวลาผ่านไปเร็ว ฯ
~ คนเลี้ยงม้าเพ่งถึงหญ้าอาหารม้า  คนหาปลาเพ่งฝนฟ้าและพายุ ฯ
~ คนที่พูดว่าชีวิตตนมีแต่สุข  อย่าเข้าใจว่าทุกข์ของเขาจะไม่มี ฯ
~ คนที่กล้าทำถึงไม่ได้ผลอะไร  ก็น่าภูมิใจกว่าคนขลาด ฯ
~ คนมีกิจคือคนมีเกียจ  คนขี้เกียจคือคนไร้เกียจ ฯ
~ คนที่เรียนแล้วคิดชีวิตเขามีคุณค่า  คนที่เรียนเพื่อฆ่าเวลาเขาเกิดมาเพื่ออยู่ไปวันๆ ฯ
~ คนจะดีเพราะมีวินัย   คนจะร้ายเพราะวินัยไม่มี ฯ
~ คนดีคือคนขาดหลัก   คนขาดหลักคือคนขาดดี ฯ
~ คนดีอยากจะรวยมากกว่าอยากจะดี  อยากเป็นเศรษฐีมากกว่าอยากเป็นสาธุชน ฯ
~ คนมีเงินทำงานด้วยปาก  คนทุกข์ยากทำงานด้วยแรง ฯ
~ ครูมีความหมายเกินกว่าพฤติกรรมที่ทำและถ้อยคำที่พร่ำสอน ฯ
~ ครูอาจารย์พาเราไปแค่ประตู  แต่การเรียนรู้เกิดจากตัวเราเอง ฯ
~ ครูสอนความรู้นั้นมากมี  ครูสอนความดีนั้นมีไม่มาก ฯ
~ ควรชมสตรีต่อหน้า  แต่ชมผู้มีปัญญาลับหลัง ฯ
~ ควรขุดบ่อตอนที่ยังไม่กระหาย  ควรซ่อมหลังคาไว้ตอนที่ฝนยังไม่ตก ฯ
~ ควรดิ้นรนสร้างสิ่งที่ดีในชีวิต  มิใช่ดิ้นรนเพื่อมีฤทธิ์เหนือกว่าใคร ฯ
~ ควรตรวจสอบเครื่องมือทุกอย่างก่อนไว้วางใจใช้งาน ฯ
~ ควรตั้งตนไว้ให้ดีก่อน  แล้วจึงสอนผู้อื่น ฯ
~ ควรทำความดีเป็นบันได  เพื่อก้าวไปสู่ความดีที่เหนือกว่า ฯ
~ ควรมีสมองที่คิดลึกกว้างไกล  มิใช่ภาชนะที่บรรจุอะไรไว้สารพัด ฯ
~ ควรเรียนรู้ทุกอย่างเข้าไว้  แต่อย่าไปทำเสียทุกอย่าง ฯ
~ ความโกรธคือสัตว์ร้าย  ต้องรั้งไว้อย่าปล่อยไป ฯ
~ ความโกรธคือพิษร้าย  ที่จะย้อนมาทำร้ายผู้มักโกรธ ฯ
~ ความโกรธของมิตรยังมีค่ากว่ารอยจูบของศัตรู ฯ
~ ความคะนองคือความพินาศ  ความประมาทคือความตาย ฯ
~ ความคดโกงถ้ารวมกับความฉลาด  ความอุบาทว์จะเกิดขึ้น ฯ
~ ความคุ้นเคยเกินขนาด  ทำให้ขาดความนับถือ ฯ
~ ความแค้นที่ไร้เหตุผล  เสมือนเผาเรือนตนเพื่อไล่หนูตัวเดียว ฯ
~ ความโง่ไม่ต้องเพาะไว้  เพราะมันงอกได้ทุกแห่งหน ฯ
~ ความจริงเพิ่งสวมรองเท้า  แต่ความเท็จได้วิ่งอ้าวไปแล้วทั่วโลก ฯ
~ ความฉลาดถ้าไม่ ได้เพิ่มพูน  จะเสื่อมสูญและลดลง ฯ
~ คนชั่วจะเจริญงอกงามในความมืด   แต่จะจางจืดสิ้นไปในความสว่าง ฯ
~ ความชั่วมาง่ายมาไว  แต่จะจากไปแสนยากแสนช้า ฯ
~ ความชราเป็นทั้งศัตรูและมิตร  ที่จะจู่ประชิดโดยไม่รู้ตัว ฯ
~ ความแช่มชื่นเบิกบานเป็นลักษณะของเจ้าบ้านที่ดี ฯ
~ ความดีหรือความชั่วย่อมทำได้ทุกเวลานาที  แต่จะทำทั้งชั่วทั้งดีพร้อมกันไม่ได้ ฯ
~ ความดีไม่ต้องแสดงออกทางวาจา  แต่ให้ปรากฏออกมาเป็นการกระทำ ฯ
~ ความดีประดุจแสงสูรย์  แม้ส่องผ่านสิ่งปฏิกูลก็ยังเรืองรอง ฯ
~ ความดีเพียงคำเดียวนะเจ้าเอ๋ย   ที่คนเราไม่เคยจะซึ่งใจ ฯ
~ ความดีเพียงน้อยนิดอย่าพึงเว้น  ความชั่วเพียงตัวเล็นอย่าพึงทำ ฯ
~ ความดีสร้างยากสลายง่าย   ความชั่วสร้างง่ายสลายยาก ฯ
~ ความดีเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา  แต่น้อยคนที่มุ่งหาและได้พบ ฯ
~ ความถูกต้องและความดี  ย่อมไม่มีอยู่ในสำนึกของคนเลว ฯ
~ ความทุกข์ยากด้านหนึ่งคือเคราะห์  แต่อีกด้านอาจหมายถึงสิ่งหล่อหลอมชีวิตจิตใจคนฯ
~ ความทุกข์ไม่เผาลน หากใจคนเข้าถึงธรรม ฯ
~ ความบริสุทธิ์และยึดมั่นในสัญญา  อย่าไปหาในวิถีทางการเมือง ฯ
~ ความประมาทเลินเล่อ  เป็นเพื่อนเกลอกับความปราชัย ฯ
~ ความเป็นมิตรแท้เพียงวัน  ดีกว่าเพียงรู้จักกันถึงสิบปี ฯ
~ ความผิลพลาดไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร  แต่ถูกถ้วนทุกคราวไปนี้แสนประหลาด ฯ
~ ความผิดพลาดอันร้ายกาจของคนเรา  คือ  การกล่าวหาใครเขาว่าผิดพลาด ฯ
~ ความเพียรเป็นศัตรูแล้วเป็นมิตร  ความเกียจคร้านมีพิษจากมิตรเป็นศัตรู ฯ
~ ความมั่นคงจะก่อมิตรชิดชอบ  ความล่มจมจะทดสอบน้ำใจมิตร ฯ
~ ความมั่งคั่งจะลดความถูกต้องของคนดี  จะเพิ่มความผิดอัปรีย์ให้คนเลว ฯ
~ ความมัธยัสถ์กับความขยัน  เป็นสองแพทย์สำคัญของมวลมนุษย์ ฯ
~ ความไม่รู้จักพอคือต้นตอของความทุกข์ ฯ
~ ความรู้ขาด  ความสามารถไม่มี  ความดีไม่อยู่  เป็นยอดครูไม่ได้ ฯ
~ ความมุ่งมั่นควรเพิ่มให้มาก  ความอยากควรลดให้น้อย ฯ
~ ความรู้ความสามารถต้องเสาะหา   ไม่ใช่ติดตัวมาหรือเกิดขึ้นเอง ฯ
~ ความโลภ  ความอิจฉา และความหยิ่งผยอง คือไฟสามกองที่เผาใจคน ฯ
~ ความหลงใหลในเงินตรา  คือที่มาของความชั่วร้าย ฯ
~ ความสุขในโลกไม่เคยพอดี  หากไม่น้อยเต็มทีก็มากเกินไป ฯ
~ ความสุขสมบูรณ์วันนี้บรรพชนสร้างไว้ให้  ถ้าไม่บำรุงรักษาไว้ความเลวร้ายจะตามมา ฯ
~ ความสนุกเพลิดเพลินเพียงชั่วครู่  อาจทำให้ต้องสลดหดหู่ชั่วชีวิต ฯ
~ จงตั้งความหวังให้สูงสุด  แต่อย่าหยุดเมื่อสิ้นหวัง ฯ
~ จงใช้ปัญญาและธรรมะให้เป็นพละของชีวิต ฯ
~ จงทำความดีไว้ก่อนตาย   เดี๋ยวชีวิตวางวาย  จะไม่มีโอกาสทำ ฯ
~ จงกินแต่พออิ่ม  ชิมแต่พอดี  เป็นหนี้แต่พอประมาณ ฯ
~ จงสู้หิวด้วยอาหาร  จงสู้งานด้วยความเพียร  จงสู้เรียนด้วยความคิด  จงสู้มิตรด้วยจาโค ฯ
~ จงเป็นคนที่เกินเก่ง  แต่ไม่ใช่เก่งจนเกินดี ฯ
~ จงประกอบกรรมดีเข้าไว้   เรื่องอื่นใดให้เป็นการของสวรรค์ ฯ
~ จงมุ่งมั่นทำสิ่งอันเป็นหน้าที่   อย่ามัวใยดีกับคำสรรเสริญนินทา ฯ
~ จงยืนหยัดในความเป็นคน  อย่าเป็นหุ่นยนต์ให้โชคชะตามาบงการ ฯ
~ จงเรียนให้รู้  จงดูให้จำ  และจงทำให้จริง ฯ
~ จงลืมข้อบกพร่องของเขา  ด้วยวิธีนำข้อบกพร่องของเรามาขบคิด ฯ
~ จงตรงต่อหน้าที่และเวลา   ดุจสุริยันจันทราที่ตรงต่อวันคืน ฯ
~ จงเตือนเพื่อนในที่ลับตา  และยกย่องโมทนาในที่เปิดเผย ฯ
~ จงเลี้ยงดูพ่อแม่เมื่อยังมีชีวิต  ป่วยการคิดเซ่นไหว้เมื่อตายแล้ว ฯ
~ จงระวังการจ่ายเล็กน้อย  ดุจเรือรั่วนิดหน่อยที่ทำให้เรือใหญ่อับปาง ฯ
~ จนแต่กายหรือใจยังพอทน  แต่ถ้านอกจนในจนก็ไปไม่รอด ฯ
~ จนที่แท้จริงนั้นมิใช่ไร้ทรัพย์  แต่อยู่ที่ปัญญาอับและไร้งาน ฯ
~ จะเป็นวีรชนกันหมดไม่ได้   เพราะต้องมีผู้ปรบมือให้เมื่อเขาเดินผ่าน ฯ
~ จะทำสิ่งใดให้ตัวสนุกสบาย  ก็อย่าทำลายความสุขของผู้อื่น ฯ
~ จะทำอะไรต้องหยั่งให้ลึก  นึกให้ได้และดูให้รอบด้าน ฯ
~ จะมีสุขต้องทุกข์ลงทุนก่อน  จะเป็นก้อนทีละน้อยค่อยผสม ฯ
~ จากกันยามเป็นได้เห็นน้ำใจ  จากกันยามตายได้เห็นน้ำตา ฯ
~ จิตเหมือนปลา  เมตตาเหมือนน้ำ  จิตที่ขาดเมตตาก็เหมือนปลาขาดน้ำ ฯ
~ จิตที่อ่อนแอจะมีแต่ความปรารถนา  จิตที่แข็งกล้าจะมีแต่ความตั้งใจ ฯ
~ จุดประสงค์ของการศึกษา  คือการพัฒนาลักษณะนิสัย ฯ
~ ฉลาดหรือโฉดเขลา  คนจะวัดเราที่วาจา ฯ
~ ฉลาดเฉลียวที่ทรงคุณค่าย่อมได้มาจากประสบการณ์ ฯ
~ ฉันทะ  วิริยะ  จิตตะ  วิมังสา  คือวิชาแห่งความสำเร็จ ฯ
~ เฉพาะคนเกียจคร้านที่เข้าใจว่า  โชคชะตาจะช่วยให้งานสำเร็จ ฯ
~ เฉพาะคนที่สัตย์ซื่อ  ที่เชื่อถือความสุจริตจริงใจ ฯ
~ เฉพาะในกลุ่มคนที่ไว้ใจและเพื่อนที่ซื่อสัตย์ ที่จะกำหนดให้ของทุกอย่างเป็นสมบัติของส่วนรวม ฯ
~ ชนะไหนเข้าด้วยช่วยกระพือ   เหมือนกระสือตอมห่าช่วยหากินฯ
~ ช่วยกันปลูกป่า  พัฒนาเศรษฐกิจ  กำจัดมลพิษ  ต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ ฯ
~ ชอบเกิดมากกว่าตาย   เหมือนบางรายชอบอายุยืนไม่ชอบแก่ ฯ
~ ชักดาบตัดน้ำ  น้ำยังคงไหล  ยกเหล้าดื่มจะดับทุกข์ไป  ทุกข์กายและใจจะยิ่งเพิ่มทวี ฯ
~ ช้าได้พร้าเล่มงาม   หากผลีผลามมักพลิกแพลงฯ
~ ช่างทำนั้นหายาก   ช่างปากนั้นหาง่าย ฯ
~ ชายหนุ่มมักจะนึกถึงฝ่ายตรงข้ามเพราะอำนาจความใคร่ ส่วนหญิงสาวมักจะยอมพลีกายให้ชาย
~ ด้วยความรัก ฯ
~ ชายแคล่วคล่องหญิงว่องไว   เป็นปัจจัยแห่งความก้าวหน้าของครอบครัว ฯ
~ ชีวิตลิขิตใยต้องเกรงความผิดหวังฯ
~ ชีวิตไม่พอกับตัณหา   เวลาไม่พอกับความต้องการ ฯ
~ ชีวิตเป็นละครตลกของผู้รู้คิด  แต่เป็นละครสลดจิตของผู้รู้สึก ฯ
~ ชีวิตความเป็นอยู่ใครห่อนรู้กำหนดการ  สุดแต่จะประมาณ เร็วหรือช้าก่อนหน้าหลัง ฯ
~ ชีวิตคนแสนสั้น  จงดำเนินชีวิตแต่ละวันให้มีคุณค่า ฯ
~ ชีวิตคนที่สิ้นคิด   ย่อมไม่ผิดกับชีวิตเดรัจฉาน ฯ
~ ชีวิตครูคล้ายเทียนไข  ที่เผาไหม้ละลายตนเพื่อคนอื่น ฯ
~ ชีวิตจะเริ่มเพิ่มค่า  เมื่อเริงร่าเริ่มลด  และทดทนเพิ่มทวี ฯ
~ ชีวิตจะยาวสั้นหาสำคัญไม่  แต่ชีวิตจะอยู่อย่างไรนี่สิสำคัญ ฯ
~ ชีวิตที่ขาดมิตรสหาย  คือการตายอย่างเปล่าเปลี่ยว ฯ
~ ชีวิตคือการเดินทาง  เรือนร่างคือศาลาอาศัย ฯ
~ ชีวิตนี้แสนสั้น  จงรีบหมั่นทำความดี ฯ
~ ชีวิตที่ไร้วิชา  เปรียบเหมือนบุบผาที่ไร้กลิ่นหอม ฯ
~ ชีวิตที่มีสาระแก่นสาร  คือชีวิตที่ทำงานบริการคนอื่น ฯ
~ ชื่อเสียงดีมีคนอิจฉา  ชื่อเสียคนสมน้ำหน้า ล้วนแต่มีอันตราย ฯ
~ เชื่อพระพบพระนิพพาน  ใกล้พระจะชนะมาร   ห่างพระปะแต่มาร ฯ
~ ใช้ความร้อนพิสูจน์ทองนาก  ใช้ทุกข์ยากพิสูจน์ความกล้าแกร่ง ฯ
~ ใช้เวลาเป็นปีถึงได้มิตรดีงาม   แต่แค่ชั่วครู่ยามก็อาจสูญเสียไป ฯ
~ ใช้ความสุขุมรอบคอบเป็นเกาะบัง  จะช่วยให้ยั้งอยู่รอดปลอดภัย ฯ
~ โชคร้ายไม่ใช่ผีหรือเทวดาลงโทษเอา  แต่การกระทำของคนเราเป็นต้นเหตุ ฯ
~ โชคช่วยให้คนมีอำนาจได้  แต่ไม่อาจช่วยให้มีปัญญา ฯ
~ โชคคือการศึกษา  วาสนาคือความเพียร ฯ
~ โชคดีอยู่ที่วาสนา  การศึกษาอยู่ที่ความเพียร ฯ
~ ซ่อนอะไรซ่อนได้   เว้นแต่เรื่องรักใคร่กับสุรา 
~ ซ่อมแซมดีกว่ารื้อ  ซื้อดีกว่ายืม  ลืมดีกว่าหลง  หลงดีกว่างมงาย ฯ
~ ฐานของตึกคืออิฐ  ฐานของชีวิตคือการศึกษา ฯ
~ ฐานะยากจนต่ำต้อยของเกษตรกร  คือยอดแห่งความทุกข์ร้อนในแผ่นดิน ฯ
~ ดอกไม้งามย่อมเหี่ยวเฉา  สังขารของคนเราย่อมร่วงโรยไปตามการ ฯ
~ ดัดไม้คดให้ตรงเพื่อใช้งาน  ฝึกอบรมบุตรหลานเพื่อให้เป็นคนดี ฯ
~ ดำเนินชีวิตดีไม่มีภัย  ดำเนินชีวิตเสียหายภัยมากมี ฯ
~ ดุลธรรมชาติจะสิ้นไป  หากวันใดไทยสิ้นป่า ฯ
~ ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่  ดูให้แน่ต้องดูถึงย่ายาย ฯ
~ ดินขาดป่า  ฟ้าขาดฝน  คนขาดใจ ฯ
~ ดินจะชุ่ม  ฝนจะฉ่ำ  น้ำไม่ท่วม  เมื่อเราร่วมอนุรักษ์พิทักษ์ป่า ฯ
~ เดินทางเตียนเวียนลงนรก  เดินทางรกวกขึ้นสวรรค์ ฯ
~ แดงก่อนแดด  แปดก่อนเจ็ด  เสร็จทุกราย ฯ
~ ต้นคดปลายตรง  เป็นที่พึงประสงค์กว่าต้นตรงปลายคด ฯ
~ ต้องอดทนเหมือนอูฐ  ไม่พูดเหมือนปลา  ไม่ประจบนายเหมือนหมา ฯ
~ ตราบใดทะเลยังมีคลื่น  อย่าหวังว่าชีวิตจะราบรื่นตลอดไป ฯ
~ ตายเพื่อศาสนานั้นควรตาย   แต่ถ้าตายอย่างงมงายไม่สมควรอย่างยิ่ง ฯ
~ ตำรวจดีพิทักษ์สันติราษฎร์  ตำรวจอุบาทว์พิฆาตสันติสุข ฯ
~ ติเพื่อก่อ  ดีกว่ายอเพื่อทำลาย ฯ
~ ตีงูให้กากิน  กากินแล้วก็บินหนี  บาปได้แก่ผู้ตี  สิ่งนี้ไม่เป็นคุณ ฯ
~ เติบโตเพราะกินข้าว  แก่เฒ่าเพราะเกิดนาน ฯ
~ ถลำล่องชักง่าย  ถลำใจชักยาก  ถลำปากชักไม่ได้ ฯ
~ ถ้าคิดเองไม่ได้แล้วไม่เชื่อคำนักปราชญ์   นอกจากไม่ฉลาดแล้วยังไร้ประโยชน์ ฯ
~ ถ้ามีเงินสามารถมีอิทธิพลเหนือผี  ถ้าเงินไม่มีพูดกับใครเขาก็ไม่ฟัง ฯ
~ ถ้าเราอุทิศเวลาให้แก่ทางธรรมมากเท่ากับทางโลก  บาปกรรมและทุกข์โศกจะเบากว่านี้ ฯ
~ ถ้าสนใจผู้อื่นไม่วันคืนก็มีเพื่อนได้  ถ้ามุ่งให้คนอื่นสนใจ นานเท่าใดก็ไม่มีเพื่อนแท้ ฯ
~ ถ้าอยากมีทรัพย์สิน  จงขยันทำกินและอดออม ฯ
~ ถ้าอยากเป็นคนมีนิสัยดีงาม  ก็อย่าวู่วามโกรธง่าย ฯ
~ ถ้ายังสำนึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์   ก็อย่าหยุดทำความดี ฯ
~ ถ้าชนะด้วยอาวุธจะสิ้นสุดด้วยความแค้น แต่ถ้าใช้ธรรมะชนะแทนจะสุดแสนสบายใจฯ
~ ถ้าสติมาปัญญาเกิด  ถ้าสติเตลิดจะเกิดปัญญาหา ฯ
~ ถ้าศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ   ถ้าศีลธรรมระบาดโลกสันนิวาสจะร่มเย็น ฯ
~ ถึงคราวพูดแล้วไม่พูด  มีแต่บูดกับเน่า  ถึงคราวเล่าแล้วไม่เล่า มีแต่เน่ากับบูด ฯ
~ ถึงตอนต้นหัวเราะร่า  ย่อมไม่สู้ยิ้มละไมบนใบหน้าในตอนหลัง ฯ
~ ถึงไม่ใช่ชาติใช่เชื้อ  ถ้าเอื้อเฟื้อก็เหมือนชาติเชื้อเดียวกัน ฯฯ
~ ถึงร่ำรวยก็อย่าขาดความเป็นคน  ถึงยากจนก็ให้มีจิตใจเข้มแข็ง
~ ถึงแม้การเลือกเกิดเราจะไม่มีสิทธิ์   แต่การเลือกทางชีวิตเป็นสิทธิ์ของเรา ฯ
~ ท้อแท้จะผิดหวัง  ผิดหวังจะลังเล  ลังเลจะพ่ายแพ้ 
~ ทะเลอิ่มน้ำ  คลังอิ่มทรัพย์  มนุษย์อิ่มสุข  ปราชญ์อิ่มวิชาย่อมหาได้ยาก ฯ
~ ทะเลเหมาะกับเรือแพนาวา   ความคิดพิจารณาเหมาะกับจิต ฯ
~ ทำงานด้วยแรงกายจะถูกปกครอง  ทำงานด้วยสมองจะปกครองคนอื่น ฯ
~ ทำงานให้เป็นสุข  สนุกเมื่อทำงาน  กินเก็บแต่พอประมาณ  ที่เหลือช่วยเจือจานคนอื่น ฯ
~ ทำชั่วในที่แจ้งมนุษย์ลงโทษ   ทำชั่วในที่ลับตาเทวดาลงโทษ ฯ
~ ทำแบบเจ๊กจากเล็กไปหาใหญ่  ทำแบบไทยจากใหญ่ไปหาเล็ก ฯ
~ ทำบุญเอาหน้า  ภาวนาแต่ปาก  จะทุกข์ยากไปจนตาย ฯ
~ ทำอะไรถ้าไม่ปรึกษาภรรยานับว่าไม่ฉลาด  แต่ถ้าทำตามภรรยาอย่างเด็ดขาดนับว่าโง่เขลา ฯ
~ ทำอะไรจงหยั่งให้ลึก  นึกให้ได้  ดูให้รอบด้าน ฯ
~ ทำผิดคน  ผิดที่  ผิดเวลา  กับทำแล้วไม่ติดตาม  ผลก็ไม่งามดังหวัง ฯ
~ ทำลายป่าไม้คือทำลายชีวิต ฯ
~ ทำดีเพื่อดี  ไม่ใช่ทำดีเพื่อดัง ฯ
~ ทำดีแล้วคนชังดีกว่าดังเพราะทำชั่ว ฯ
~ ทาสถึงอ้วนพี  ก็ไม่สู้เสรีเมื่อผอมโซ ฯ
~ ทุกนาทีมีค่า  ถ้าไม่รู้จักใช้เวลา  ค่าก็ไม่มี ฯ
~ ทุกข์แล้วต้องทน  จนแล้วต้องเจียม  จึงจะไม่เสียเหลี่ยมเสียเกียรติ ฯ
~ ทุกข์อยู่ที่หัว  กลัวอยู่ที่ใจ  จัญไรอยู่ที่ปาก  อยากอยู่ที่ท้อง ฯ
~ ธรรมชาติ  กาลเวลาและความอดทน คือแพทย์สามคนผู้ยิ่งใหญ่ ฯ
~ นกไร้รัง แมงมุมไร้ใย  ก็เหมือนกับคนไร้มิตร ฯ
~ นักปกครองต้องมีคุณธรรม   เพราะจะนำมาซึ่งคน   เขตคามและความมั่นคง ฯ
~ นักปกครองไม่พึงลุ่มหลงของมึนเมา  ความยุติธรรมของเราจะไขว้เขว ฯ
~ นักปกครองใจกุศลถือประชาชนเป็นญาติ  ักปกครองชั่วชาติ ถือว่าทาส คือ ประชาชน ฯ
~ นักปราชญ์เห็นสิ่งใดเป็นภัยก็หลีกห่าง  หากถึงตัวเข้าบ้างก็ไม่พรั่นกลัว ฯ
~ นักปราชญ์คือผู้มีอำนาจทางความคิด   ผิดกับสามัญชนผู้คิดแบบคนธรรมดา ฯ
~ นักปราชญ์จะไม่ทุกข์ร้อนตอนเป็นอยู่   ไม่สลดหดหู่ตอนจะตาย ฯ
~ น้ำบ่อช่วยให้บัวสดใส  น้ำใจช่วยให้คนชื่นบาน ฯ
~ น้ำบ่อน้ำคลองยังเป็นรองน้ำใจ  น้ำที่ไหนก็สู้น้ำใจไม่ได้ ฯ
~ น้ำบ่อน้ำคลองยังเป็นรองน้ำมนต์  น้ำบ่อน้ำฝนก็สู้น้ำมนต์ไม่ได้ ฯ
~ น้ำนรกคือ เช้าฮา  เย็นเฮ  ค่ำเซ  ดึกสร่างสว่างซ้ำ  หัวตำธรณี ฯ
~ น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า  ข้าพึ่งจ้าวบ่าวพึ่งนาย ฯ
~ ในยามทุกข์ยากจะเห็นใจมิตรสหาย  ในยามเจ็บไข้จะเห็นใจคู่ครอง ฯ
~ บนทางขรุขระคนระวังจึงปลอดภัย   บนทางเรียบคนชะล่าใจจึงมีอันตราย ฯ
~ บอกให้ฟังเทศน์ก็หน้างำ  บอกให้ฟังธรรมก็กำหู ฯ
~ บังคับม้า  รถ  เรือ ทำได้หมดสิ้น  บังคับลิ้นในปากตนคนทำไม่ได้ ฯ
~ บางครั้งก็เศร้า  บางคราวก็สุข  บางทีก็ทุกข์หัวอกสะท้อน ฯ
~ บางสิ่งน่ากลัวกว่าความตาย   บางสิ่งมีค่าเหลือหลายกว่าชีวิต ฯ
~ บาปนั้นไม่อาจซ่อนเร้น   เพราะปรากฏเด่นบนใบหน้าของคนบาป ฯ
~ บุคคลใดไม่มีพวกพ้อง  แสดงว่าอาจบกพร่องในนิสัยของตนเอง ฯ
~ ปฏิเสธอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส   ดีกว่ารับไว้อย่างบึ้งตึง ฯ
~ ประชาชาติที่อดอยาก  ย่อมยากที่จะมีศิลปะและศาสนา ฯ
~ ประเพณีไทยแท้แต่โบราณ  ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ ฯ
~ ประจบทำให้เสียงาน  ประจานทำให้เสียคน ฯ
~ ประเทศเป็นบ้าน  ทหารเป็นรั้ว  โรงครัวเป็นท้อง  เพื่อนพ้องเป็นได้ทั้งคุณและโทษ ฯ
~ ปรารถนาสารพัดในปฐพี  บุญบารมีบันดาลได้ดังประสงค์ ฯ
~ ปลาเห็นแก่เหยื่อไม่เห็นเบ็ดฉันใด  คนเห็นแก่ได้ไม่เห็นโทษภัยฉันนั้น ฯ
~ ปลูกพืชต้องเตรียมดิน  จะกินต้องเตรียมอาหาร  จะพัฒนาหมู่บ้านต้องเตรียม ฯ
~ ประชาชน  จะพัฒนาให้ได้ผลต้องพัฒนาที่ใจ ฯ
~ ป่วยอยู่เห็นหมอเหมือนเห็นแก้ว  หายแล้วเห็นหมอเหมือนเห็นหมา ฯ
~ ปัญญาทำให้คนมีอำนาจ   มารยาททำให้คนมีเสน่ห์ ฯ
~ ปัญหาการศึกษา  อยู่ที่ว่า จะสอนคนมองต้นไม้ให้เป็นป่าได้อย่างไรฯ
~ ปัญหานำมาซึ่งโอกาสกับการคิดแก้ไข  อันจะนำไปสู่การพัฒนา ฯ
~ ปัญหาเล็กพึงคิดแก้ไข  อย่าให้ปัญหาใหญ่ตามมา ฯ
~ ป่าพึ่งเสือ  เรือพึ่งพาย  นายพึ่งบ่าว  เจ้าพึ่งข้า ฯ
~ ป่าเขาที่ซับซ้อน  ยังไม่ยอกย้อนเท่าใจคน ฯ
~ ปากเป็นเอก  เลขเป็นโท  หนังสือเป็นตรี  ชั่วดีเป็นตรา ฯ
~ ปิดปากเป็นใบ้ไม่เจรจา  ดีกว่าเปิดปากนินทาว่าร้ายเขา ฯ
~ ปู่ไม่ได้ด่า  ย่าไม่ได้สั่ง  พ่อแม่ยังไม่ได้สอน ฯ
~ เป็นคนสมคนเพราะคนมีครู  เป็นครูสมครูเพราะครูมีธรรม ฯ
~ เป็นคนคมในฝักอยู่ร่ำไป   แล้วเมื่อใดจะได้แสดงฝีมือ ฯ
~ เป็นเจ้าสาวโศกา   เป็นภรรยาสมสุข   เป็นเจ้าสาวรื่นรมย์   เป็นภรรยาอมทุกข์ ฯ
~ เป็นเด็กไม่ใฝ่การศึกษา   เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก็ไม่เก่งงาน ฯ
~ เป็นช่างเสื้อและนักประพันธ์   ความคิดต้องผันตามยุคสมัย ฯ
~ เป็นเทวดาแล้วเป็นผี   ย่อมไม่ดีเท่าเป็นผีแล้วเป็นเทวดา ฯ
~ เป็นที่รักของชายชรา   ดีกว่าเป็นข้าของชายหนุ่ม ฯ
~ เป็นผู้น้อยต้องคอยก้มประณมกร  ยากไปก่อนค่อยสบายเมื่อปลายมือ ฯ
~ เป็นแม่ผัว  ให้นึกถึงตัวเมื่อเป็นลูกสะใภ้ ฯ
~ เป็นเศรษฐีชั่วนิรันดร์ที่สันโดษ   เป็นนักโทษชั่วนิรันดร์ที่ตัณหา ฯ
~ เป็นเมียทหารต้องนับขวด   เป็นเมียตำรวจต้องนับแบงก์ ฯ
~ เป็นการทำดีด้วยใฝ่ดี  หากทำดีด้วยใฝ่เสียงชมเชียร์ พอใครไม่ชมไม่เชียร์  ก็รู้สึกฝ่อ ฯ
~ เป่าไฟใต้ลม  ถ่มน้ำลายรดฟ้า  ท่านว่าไม่พึงทำ ฯ
~ เปิดหนังสืออ่านเมื่อใด   ชีวิตก็มีกำไรขึ้นเมื่อนั้น ฯ
~ ไปลามาไหว้  เป็นธรรมเนียมของไทยเรา ฯ
~ ไปศึกษาเรื่องหน้าที่ที่อื่นทำไม   เพราะที่บ้านมีไว้แล้วพร้อมสรรพ ฯ
~ ผิดผู้อื่นเท่าเหาก็เห็นได้   ผิดตนเท่าช้างควายก็ไม่เห็น ฯ
~ ผู้ขอจะขัดใจเมื่อไม่ได้   ผู้ไม่ให้จะขัดใจเมื่อใครขอ ฯ
~ ผู้ฉลาดและใฝ่สูงสะสมธรรม   ผู้โง่เขลาและใฝ่ต่ำสะสมวัตถุ ฯ
~ ผู้โกรธช้าเลิศกว่าผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่   ผู้ชนะจิตใจเลิศกว่าใครที่ยึดเมืองได้ ฯ
~ ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่  คือผู้ทำให้ศัตรูกลับใจมาเป็นมิตร ฯ
~ ผู้เดินทางหวังอากาศแจ่มใส   ผู้ทำนาไร่หวังฟ้าหวังฝน ฯ
~ ผู้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความขลาด   จะมีแต่ผิดพลาดและสูญเสีย ฯ
~ ผู้ที่ทนได้ต่อความเหลือทน   นับเป็นยอดคนที่ทนโดยแท้ ฯ
~ ผู้ถึงธรรมไม่ต้องว่ายต้องหยั่ง  เสมือนผู้ถึงฝั่งมีที่เหยียบและยืน ฯ
~ ผู้นำต้องอ่านคนออก  บอกคนได้  ใช้คนเป็น  ฯ
~ ผู้บรรลุธรรมไม่เศร้าถึงอดีต ดำรงชีวิตด้วยสิ่งปัจจุบัน ไม่เพ้อฝันถึงอนาคต ผิวพรรณจึงหมดจดผ่องใส ฯ
~ ผู้เป็นมิตรกันเสมือนปากกับมือ  คือเมื่อมือเจ็บใช้ปากเป่า  เมื่อเจ็บปากก็เอามือลูบ ฯ
~ ผู้มัวโง่ถือฤกษ์ยาม  ประโยชน์งามย่อมล่วงเลย ฯ
~ ผู้ที่ไม่เคยพบความผิดพลาด  จะไม่รู้ความสามารถของตนเอง
~ ผู้รู้แจ้งมักแสดงแบบธรรมดา   ผู้รู้ครึ่งกลางมีการวางท่ามีมาดมาก ฯ
~ ผู้เหยียบยอดต้องก้าวย่างจากล่างไป  ผู้กำชัยอาจเคยแพ้มาแต่หลัง          
~ ผู้อยู่กลางสนามมืดสับสนงวยงง  ผู้อยู่นอกวงจะเห็นได้ชัดแจ้ง ฯ
~ ผู้อบรมดีไว้ในตน  ชื่อว่าสร้างสวรรค์ไว้ในอก  ผู้สะสมชั่วไว้ในตน  ชื่อว่าสร้างนรกไว้ในใจ ฯ
~ ผู้ขยันหมั่นเอาธุระ   ทำงานเหมาะแก่จังหวะ   ย่อมหาทรัพย์ได้ ฯ
~ ผู้ใหญ่ดึงผู้น้อยดัน  เสมอกันประคอง  รับรองรั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ฯ
~ ผู้นำไร้ธรรมจะต่ำอำนาจ ผู้นำไร้ศีลจะสิ้นชาติ  ถ้าผู้นำมีทั้งศีลทั้งธรรม จะเลิศล้ำด้วยอำนาจ ฯ
~ ผู้นำที่ดีต้องมีปัญญา  มีหูตากว้างไกล มีใจเที่ยงตรง ฯ
~ ฝึกตนให้มีวินัย   ฝึกใจให้มีวัฒนธรรม ฯ
~ ฝนตกเป็นปรอยปรายอยู่นาน  พายุพานพัดอยู่ครู่เดียว ฯ
~ ฝนไม่มีผลต่อท้องธาร  อาหารไม่มีผลต่อคนอิ่มท้อง  การให้ของไม่มีผลต่อเศรษฐี ฯ
~ พรใดก็ไร้ค่า   ถ้าไม่ทำ ฯ
~ พระมีหน้าที่เทศน์  เปรตมีหน้าที่ขอ  คนอยู่หลังมีหน้าที่รอ   คนสอพลอมีหน้าที่เลีย ฯ
~ พอใจในเบื้องหลัง  มีหวังในเบื้องหน้า ฯ
~ พ่อแม่รักเราเท่าชีวิต  พ่อแม่อุทิศทั้งกายใจ  พ่อแม่มอบความปลอดภัย  พ่อแม่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ฯ
~ พ่อแม่ไม่บริสุทธิ์ในการครองตน   คือโจรปล้นความภูมิใจของบุตร ฯ
~ พัฒนาชาติสร้างเศรษฐกิจ   พัฒนาชีวิตสร้างครอบครัว ฯ
~ พันธะอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์   คือการหยิบยื่นสิ่งที่ดีให้บุตรหลาน ฯ
~ พันธะของพลเมืองที่ดีฉลาด  คือการอ่อนน้อมต่ออำนาจที่ชอบธรรม ฯ
~ พึงรักษาจิตให้ดี  ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง มีสติอย่าให้พร่อง แล้วความเศร้าหมองจะหมดไป ฯ
~ พึงระวังเมื่ออ่านเรื่องสุขภาพอนามัย   เพราะเราอาจสิ้นใจจากข้อความที่พิมพ์ผิด ฯ
~ พูดดีมีแต่มิตร  พูดโดยไม่คิดชีวิตไม่มี ฯ
~ พูดจาอ่อนหวาน  พูดประสานสามัคคี  พูดดีมีสาระ  ฯ
~ พูดเรื่องสมมุติได้นับหมื่นพันคำ  พูดเรื่องสัจธรรมไม่กี่คำก็จบ ฯ
~ พูดให้คนรักยากจะหวัง  พูดให้คนชังคำเดียวก็เห็นผล ฯ
~ เพราะรักโลภโกรธหลง  ทำอะไรที่ควรตรงให้กลายเป็นเอียง ฯ
~ เพิ่มพูนความขยัน  แข่งขันกันประหยัด  ฝึกหัดทำความดี  สามัคคีร่วมชาติ ฯ
~ เพื่อนกินนับสิบที่เรามี  ไม่สู้เพื่อนตายหรือเพื่อนดีเพียงคนเดียว ฯ
~ เพื่อนกินเพื่อนกัน  เพื่อนรู้ ไม่ทัน  เพื่อนกันเอาไปกิน ฯ
~ ฟองคลื่นและพายุร้าย  จะเข้ากับนายท้ายผู้มีความสามารถสูงสุด ฯ
~ ฟังดูอ่านโดยไม่ไตร่ตรองเหมือนกินของแล้วไม่ย่อย ฯ
~ ฟังเสียงภาชนะจะรู้ว่าแตกร้าวหรือไม่ ฟังคนพูดไปจะรู้ว่าโง่หรือฉลาด ฯ
~ ฟังอะไรครึ่งกลางไม่ต่างอะไรกับฟังความข้างเดียว ฯ
~ ฟังดีมีค่าราคาสูง ฟังไม่ดีก็ไร้ค่าราคาสูญ  ฟังไว้เป็นประโยชน์โทษไม่มีดีเพิ่มพูน ฯ
~ ฟังธรรมวันละหน่อยอร่อยความคิด  ฟังธรรมวันละนิดจิตแจ่มใสฯ
~ ฟังเทศน์แล้วง่วงนอน  ไม่เหมือนดูหนังดูละครตาสว่างๆ ฯ
~ ไฟพิสูจน์ทองนาก  ความทุกข์ยากพิสูจน์คนกล้า ฯ
~ ภยันตรายของคนประมาท   จะหนักหน่วงกว่าคนขาดความรู้ ฯ
~ ภรรยาผู้ประมาท  มีโอกาสเป็นหม้ายได้ตลอดเวลา ฯ
~ ภรรยาสามี  มิใช่เป็นเพียงที่รักหรือญาติสนิท   แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเรา ฯ
~ ภรรยาที่ดี  ไม่พึงคุยกับน้องชายสามีให้บ่อยนัก ฯ
~ ภรรยาไร้มารยาท  ถึงเป็นลูกสาวนักปราชญ์  ก็ไม่อาจทำให้งามขึ้น ฯ
~ ภัยธรรมชาติอาจหนีได้  กรรมที่ตนก่อไว้นั้นหนียาก ฯ
~ ภาวะการเมืองเวียนวน  ทำให้ชีวิตคนเปลี่ยนไป ฯ
~ ภาวะที่หวังจะได้เป็นหรือเป็นอยู่ในขณะนี้  เราเป็นหนี้แม่เราไม่รู้ว่าสักเท่าใด ฯ
~ ภูมิรู้ ภูมิธรรม ภูมิฐาน   เป็นคุณลักษณะสำคัญสามประการของครูดี ฯ
~ มนุษย์จะกลายเป็นยักษ์ มาร เดรัจฉาน เปรต   ถ้ากิเลสเข้าครอบงำ ฯ
~ มนุษย์เรามีสองหน้า  หนึ่งตื่นตาอยู่ในความมืดมิด  หนึ่งหลับสนิทอยู่ในความสว่าง ฯ
~ มนุษย์เราย่อมหวังสิ่งที่ยังไม่ได้   จะหวังน้อยใหญ่ก็ของใครของมัน ฯ
~ มนุษย์เรานี้จะได้ดีก็เพราะปาก  จะได้ยากก็เพราะคำ ฯ
~ มรสุมทะเลสู้ด้วยเรือเหล็กหรือเรือไม้  มรสุมใจสู้ด้วยเรือธรรม ฯ
~ มองสูงมองไกล   มองไปข้างหน้า   แล้วอย่าช้ารีบลงมือทำ ฯ
~ มัวแต่ทำเป็นคมอยู่ในฝัก  ใครจะรู้จักและส่งเสริม ฯ
~ มักง่ายใจแคบเพื่อนเหินห่าง  เรียบง่ายใจกว้างเพื่อนหวนหา ฯ
~ มาวัดวันนี้มีแต่น้ำใจ  มาวัดวันตายมีแต่น้ำตา ฯ
~ มิใช่เทวามาพลอยผสม   มิใช่พระพรหมมาช่วยลิขิต  มิใช่ญาติมิตรมาดลบันดาน ฯ
~ มีเงินเขานับว่าน้อง  มีทองเขานับว่าพี่  ขัดสนเงินทองพี่น้องไม่มี ฯ
~ มีโพรงใหญ่ยกให้ไม้แก่   มีความรู้กระจ่างแท้ยกให้แก่เฒ่า ฯ
~ มีม้ารถดีมีเสบียงมากมาย  ก็ไม่อาจถึงจุดหมายถ้าไปผิดทาง ฯ
~ มีลูกชายไม่ให้เรียนเหมือนเลี้ยงวัวเลี้ยงม้า  มีลูกหญิงไม่ให้ศึกษา เหมือนเลี้ยงม้าเลี้ยงหมู ฯ
~ มีสมบัตินับล้านกินแค่สามเวลา   มีที่กว้างสุดตาเพียงว่าใช้นอน ฯ
~ มีเต็มห้อง  อาภรณ์ใช้เพียงชุดเดียว ฯ
~ มีทองเท่าหนวดกุ้ง  นอนสะดุ้งจนเรือไหว ฯ
~ มีผัวผิดคิดจนตัวตาย  ปลูกเรือนผิดคิดจนเรือนทลาย ฯ
~ มีผัวผิดคิดมีผัวใหม่  ปลูกเรือนผิดคิดรื้อเรือนขาย ฯ
~ มีลูกไว้พึ่งพา   มีศาสนาไว้พึ่งใจ ฯ
~ มีเงินมีทองเจรจาได้  มีไม้มีไร่ปลูกเรือนงาม ฯ
~ มืดที่สุดแล้วสว่างได้   หลังจากโชคร้ายก็จะพบโชคดี ฯ
~ มืดบอดทางปัญญา  แม้มีหูตาก็หลงทาง ฯ
~ มืดหรือสว่าง  ก็ไม่แตกต่างสำหรับคนตาบอด ฯ
~ มืดค่ำส่องด้วยไฟ   มืดใจส่องด้วยธรรม ฯ
~ เมื่อชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป  แต่ถ้าหากไม่ดิ้นอาจต้องสิ้นใจ ฯ
~ เมื่อเด็กไม่ไฝศึกษา  เมื่อโตขึ้นมาก็ไม่สามารถในงาน ฯ
~ เมื่อทำงานจงว่องไว  เมื่อคิดและพูดอะไรจงรอบคอบและไตร่ตรอง ฯ
~ เมื่อพินิจด้วยจิตสมาธิแนวแน่   อาจจะรู้ว่าอะไรแท้หรือมายาฯ
~ เมื่อมีการละเมิดศีลข้อหนึ่งได้   ก็จะลามไปข้อสองสาม ฯ
~ เมื่อรักกันอยู่ไกลก็เหมือนใกล้   เมื่อชังกันอยู่ใกล้ก็เหมือนไกล ฯ
~ เมื่อไม่ทำความดีบนดิน จะถวิลถึงสวรรค์นั้นอย่าหมาย ฯ
~ เมื่อยังเยาว์จะเห็นอะไรตามที่ใฝ่ฝัน   เมื่ออายุนานวันจะเริ่มเห็นตามที่เป็นจริง ฯ
~ เมื่อสมหวังให้ระวังความคิด   เมื่อพลาดผิดให้มานะอดทน ฯ
~ เมื่อสองคนร่วมขี่ม้า  คนหนึ่งนั่งหน้าอีกคนหนึ่งต้องนั่งหลัง ฯ
~ เมื่ออิ่มแล้วน้ำผึ้งก็ขม  เมื่อหิวซานซมของขมก็ว่าหวาน ฯ
~ แม้ท้องจะอิ่มก็ต้องเตรียมอาหารไว้   แม้ท้องฟ้าแจ่มใสก็อย่าลืมร่ม ฯ
~ แม้ในแม่น้ำอันกว้างสุดตา  เรือแพนาวาก็ยังชนกัน ฯ
~ แม้ชังน้องก็อย่าลืมความดี   แม้ชอบพี่ก็อย่าลืมความเลว ฯ
~ แม้ว่าคนทั่วไปใครก็มีบุตร  ถ้าวัดว่าใครสวยหรือเก่งสุดก็ต้องบุตรเรา ฯ
~ แม้หอคอยซึ่งสูงสุดตา  ก็สร้างขึ้นมาจากพื้นดิน ฯ
~ แม้อิ่มก็ขอให้นึกถึงมือหน้า   แม้แดดจ้าก็ขอให้นึกถึงฝน ฯ
~ ไม่พึงล้อเล่นกับกฎหมาย  ความตาย  และคนเสียสติ ฯ
~ ไม่พูดแล้วถูกด่า  ดีกว่าถูกด่าเพราะพูดแล้วไม่รู้เรื่อง ฯ
~ ไม่มีทุกข์ก็ไม่เข้าหาธรรม  ไม่ตกต่ำก็ไม่รู้สึกตัว ฯ
~ ไม่เรียนไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น  ไม่ทำไม่เป็น  นี้คือกฎเกณฑ์ธรรมดา ฯ
~ ไม่ว่าบ้านหรือป่า  ไม่ว่าดอนหรือลุ่ม   ผู้ที่กิเลส ไม่เกาะกุม  อยู่ที่ไดก็รื่นรม ฯ
~ ไม่สำคัญว่ามีทรัพย์มากหรือน้อย   แต่ที่สำคัญคือต้องใช้ให้น้อยต่างหาก ฯ
~ ไม้คดใช้ทำขอ   เหล็กงอใช้ทำเคียว   แต่ใจคนคดเคี้ยว ใช้ทำอะไรไม่ได้ ฯ
~ ไม้ต้นสูงใหญ่ในวันนี้ที่เราเห็น  เคยเป็นต้นจิ๋วเมื่อวันก่อน ฯ
~ ยอครูยอต่อหน้า ยอข้าเมื่อเสร็จกิจ ยอมิตรเมื่อลับหลัง ฯ
~ ยอมตายในการต่อสู้   ดีกว่าอยู่อย่างผู้แพ้ ฯ
~ ยอมตายอย่างใจสูงด้วยธรรม  ดีกว่าอยู่อย่างตกต่ำด้วยตัณหา ฯ
~ ยากนักที่การใดจะไม่ลุผล   ถ้าใช้ความอดทน และเยือกเย็น ฯ
~ ยามจนจะเห็นใจมิตรสหาย   ยามป่วยไข้จะเห็นใจคู่ครอง ฯ
~ ยามตายเป็นผี  ยามมีเป็นคน  ยามจนเป็นหมา ฯ
~ ยามโชคดีผีเราบงการได้   ยามโชคร้ายผีจะบงการเรา ฯ
~ ยามโชคมาถึงเหล็กก็สุกใส   ยามโชคจากไปแม้ทองก็หมองมัว ฯ
~ ยามสมหวังอย่าหลง   ยามพราดลงอย่าท้อ ฯ
~ ยามผิดหวังให้ดูผู้ต่ำกว่า   ยามสมหวังขึ้นมาให้ดูผู้อยู่สูงกว่า ฯ
~ ยามร่ำรวยมิตรมีหลายหลาก   ยามยากมิตรไม่เหลือหลอ ฯ
~ ยามค่ำคืนตื่นตาด้วยแสงไฟ   ยามหวั่นไหวตื่นใจด้วยแสงธรรม ฯ
~ ยามอยู่เพื่อนก็ไว้ใจ   ยามจากไปเพื่อนก็คิดถึง ฯ
~ ยามอยู่เพื่อนก็หนักใจ   ยามจากไปเพื่อนก็โล่งหัวอก ฯ
~ ยามบุญมาวาสนาช่วย ที่ป่วยก็หายที่หน่ายก็รัก หากบุญไม่มาวาสนาไม่ช่วย ที่ป่วยก็หนักที่รักก็หน่าย ฯ
~ ยามอยู่ต้องพึ่งความดีของตน   ยามวายชนม์ต้องพึ่งบุญกุศลของคนที่รัก ฯ
~ ยามอยู่ต้องอุปัฏฐาก   ยามจากต้องอุปถัมภ์ ฯ
~ ยาเรือยาแพยาข้างนอก   ยาขันยาจอกยาข้างใน ฯ
~ ยิ้มน้อยในดวงใจ   เมตตาไว้โลกร่มเย็น ฯ
~ ยิ้มได้เมื่อภัยมา  ไม่โศกาเมื่อภัยมี ฯ
~ ยิ้มไว้ใจสดชื่นอายุยืนไร้โรคา  รูปร่างงามโสภา  เป็นเสน่หาแก่ปวงชน ฯ
~ ยิ้มไว้ไม่ต้องเสียอะไร  ให้กันได้เปล่า  เพิ่มเริงร่าทบเท่า  แก่ผู้เศร้าหมอง
~ คลายความลำพองแก่ผู้กล้าและได้คืนมาในทันทีที่ให้เขาไป ฯ
~ เย็นขยันกินเหล้า  เช้าขยันนอน  กลางวันขยันเข้าบ่อน  ดึกสลอนอยู่ที่บาร์ ฯ
~ รกคนดีกว่ารกหญ้า  แต่ถ้ารกคนบ้า ๆ  รกหญ้าดีกว่ารกคน ฯ
~ ร้อนปากทำให้นินทา   ร้อนตาทำให้ค้อน   ร้อนใจทำให้หงุดหงิด ฯ
~ รักกันเหมือนพี่   ดีกันเหมือนน้อง  ปรองดองกันเหมือนญาติ ฯ
~ รัตนชาติไม่สิ้นประกาย   เพียงแค่คนมักง่ายทิ้งลงในสิ่งปฏิกูล ฯ
~ รัตนชาติเป็นอาภรณ์ประดับกาย  รัตนตรัยเป็นอาภรณ์ประดับใจ ฯ
~ ระยะใกล้ทำให้เห็นความแตกต่าง  ระยะห่างทำให้เห็นความคล้ายคลึง ฯ
~ ระหว่างเพื่อนรักคำเท็จไม่ควรนำมากล่าว   ระหว่างคู่บ่าวสาวคำจริงไม่ควรนำมาพูด ฯ
~ ร่างกายอาจย่อยยับเสื่อมสูญ  แต่ชื่อและวงศ์ตระกูลยังอยู่ ฯ
~ รู้ผู้อื่นคือยอดเก่ง  รู้ตนเองคือยอดฉลาด   ถ้ารู้ทั้งสองฝ่ายไม่พลาดคือยอดคน ฯ
~ รู้จักเหตุ-ผล-ตน-ประมาณ-กาล-ชุมชน บุคคลเป็นคนประเสริฐ ฯ
~ รู้แล้วคิดพิชิตศัตรู  รู้แล้วปฏิบัติขจัดศัตรู ฯ
~ รู้เท่าเอาไว้กัน  รู้ทันเอาไว้แก้  รู้ให้แน่ใช้ได้ทั้งแก้ทั้งกัน ฯ
~ รู้แล้วทำดี  ชีวิตมีแต่ความสุข  รู้แล้วไม่เว้นชั่ว จะหมองมัวกลั้วความทุกข์ ฯ
~ รู้เท่าเอาไว้กัน  รู้ทันเอาไว้แก้   รู้ไม่เท่าไม่ทันหมดทางกันทางแก้ ฯ
~ เรียนจากครู  ดูจากตำรับ สดับปาฐะ  คือยอดนักปาฐะอย่างแท้จริง ฯ
~ เริ่มใจร้อนในตอนต้น  จะร้อนใจตนในตอนท้าย ฯฯ
~ เริ่มจากเล็กโดยไม่ท้อใจ  ย่อมไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ
~ เริ่มเป็นหนุ่มสาวจะปรารถนาความรัก  เงิน แล้วก็สุขภาพ   ต่อไปเมื่อซึ้งซาบ ก็ปรารถนา สุขภาพเงิน
~ แล้วก็ความรัก ฯ
~ เรียนโดยไม่คิดจะไร้ค่า  คิดโดยไม่เรียนไม่ศึกษาจะเป็นอันตราย ฯ
~ เรื่องเกลียดชังที่ร้ายกาจ   คือเครือญาติเกลียดกันเอง ฯ
~ เรือแตกจะจนชั่วเดือนปี   มีครอบครัวไม่ดีจะจนชั่วชีวิต ฯ
~ เรื่องยากสามประการคือ  ลืมความปวดร้าว  รู้จักใช้เวลา  และรักษาความลับ ฯ
~ เรื่องแรกสุดควรเป็นงาน   เรื่องสำราญควรมาทีหลัง ฯ
~ เราท่านล้วนเป็นทหารสงครามในชีวิต  บางคนมีตำแหน่งกระจิดริด บางคนก็ใหญ่โต ฯ
~ เราอาจยิงนกบนท้องฟ้า  ตกปลาในน้ำลึก  แต่ไม่อาจหยั่งลึกถึงใจคน ฯ
~ เราอาจยังอยู่ในถ้ำเปียกชื้นเหน็บหนาว    ไร้แสงแพรวพราวไร้รถและเครื่องบิน ฯ
~ ถ้าโลกมีนักปกครองที่ปลายลิ้นเอ่ยแต่คำว่าทำไม่ได้
~ แรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน   ครั้นเนิ่นนานน้ำตาลก็กร่อยขม ฯ
~ ไร้เงินทองเป็นหนอนทาก  มีเงินมากเป็นมังกร ฯ
~ ลมที่เคยโชยชื่นเย็นสบาย   ก็อาจพัดความแรงร้ายมาสู่เรา ฯ
~ ล้มเพราะเดินเพราะวิ่ง  ดีกว่าหยุดนิ่งอยู่กับที่ ฯ
~ ลมอ่อนกระพือไฟ  ลมจัดไปไฟก็ดับ ฯ
~ ลองถามตัวเองไว้ว่า  อยู่นานไปเราเกิดความแก่กล้า  หรือเพียงแต่แก่ตัวลง          
~ ลำบากเพราะการงาน ดีกว่าสำราญแล้วกลุ้ม ยอมลำบากเมื่อหนุ่ม ดีกว่ากลุ้มเมื่อตอนแก่ ฯ
~ ลิงค่างเป็นสัตว์ที่น่าเกลียด  และลักษณะก็กระเดียดมาทางเรา ฯ
~ ลิ้นไม่มีกระดูกก็จริง  แต่คมยิ่งกว่าฟัน ฯ
~ ลิ้นคนสามนิ้วฟุต  อาจฆ่ามนุษย์คนใดได้เสมอ ฯ
~ ลิ้นอยู่ได้นานก็เพราะอ่อน  ฟันหลุดก่อนก็เพราะแข็ง ฯ
~ ลูกแม่มดอาจถูกฆ่าด้วยวิญญาณร้าย  ลูกยอดหมออาจตายด้วยโรคธรรม ฯ
~ เล่นกับหมา  หมาเลียปาก  เล่นกับสาก  สากตีหัว ฯ
~ โลกสดสวยด้วยกตัญญู โลกหดหู่เมื่อกตัญญูเหือดหายไป ฯ
~ โลกพินาศเพราะขาดเมตตา  โลกจะโสภาเพราะเมตตาค้ำจุน ฯ
~ โลกนี้มีสรรพสิ่งอัศจรรย์  แต่มนุษย์เรานั้นอัศจรรย์เหนือสรรพสิ่ง ฯ
~ โลภเกินการจะทำงานผิดพลาด  หยิ่งเกินขนาดจะทำงานไม่สำเร็จ ฯ
~ วันเวลาผ่านไปสอนให้รู้  ชีวิตอยู่ต้องสู้ทนจนสมหวัง
~ วัยแรกไม่หาวิชา  วัยสองไม่หาทรัพย์  วัยสามไม่ทำความดี  วัยสี่จะทำอะไรได้ ฯ
~ วาจาจากปาก  ลูกธนูจากแล่งโอกาสพลาดแพลง และเวลาที่ผ่านไป เหลือวิสัยจะเรียกคืน ฯ
~ วารีไม่คอยท่า  เวลาไม่คอยใคร ฯ
~ วางแผนชีวิตถูกก็จะสดใส  วางผิดไปจะทุกข์นานปี ฯ
~ เวลาเป็นสิ่งไร้น้ำใจ  ไม่ว่าสิ่งสวยงามใดก็จะถูกทำลาย ฯ
~ เวลาแห่งความพยายามในวันนี้   จะสร้างเวลาอันสุขศรีในวันหน้า ฯ
~ เวลาแห่งทุกข์ทรมานผ่านไปช้า   เวลาแห่งความสุขสมปรารถนาผ่านไปเร็ว ฯ
~ เวลาล่วงเกินใคร  ก็หวังการอภัยจากเขา   เวลาใครล่วงเกินเราก็กลับลืมอภัย ฯ
~ เวลารักกันก็สารพันว่าดี  โกรธกันเข้าซีอัปรีย์ไปสารพัน ฯ
~ เวลารักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน  ครั้นเนิ่นนานน้ำผึ้งหวานก็ว่าขื่น ฯ
~ ไว้ใจกัน  เข้าใจกัน  จริงใจต่อกัน  เท่ากับสร้างสรรค์สันติภาพ ฯ
~ ศัตรูคนหนึ่งอย่าคิดว่าน้อย   มิตรหนึ่งร้อยอย่าคิดว่ามาก ฯ
~ ศัตรูที่เปิดเผยถึงน่ากลัวก็ไม่มาก   เพื่อนที่เสแสร้งต่างหากที่น่ากลัวนักหนา ฯ
~ ศีลส่งทำให้สูง  ศีลปรุงทำให้สวย  ศีลนำทำให้รวย  ศีลช่วยทำให้รอด ฯ
~ สร้างพระเดชมีแต่ขาดทุน   สร้างพระคุณมีแต่กำไร ฯ
~ สภาพของเรา  เราควรพอใจ   อย่าเปรียบกับใครจะสบายใจไปตลอด ฯ
~ สมองมีไว้สำหรับคิด   ถ้าไม่ฝึกอยู่เป็นนิตย์   ความคิดจะตื้อตัน ฯ
~ สติมาปัญญาเกิด  สติเตลิดจะเกิดปัญหา ฯ
~ สะเก็ดเดียวของไฟอาจเผาผลาญทั้งป่า   คำเดียวของผรุสวาจาอาจทำลายความดี ฯ
~ สาธุชนคิดถึงบาปบุญคุณโทษ   ทรชนคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน ฯ
~ สามสิ่งล้ำค่าในโลกใบนี้มีอาหาร  วิทยาการ  และมิตรภาพ ฯ
~ สำเร็จเมื่อคิด  สัมฤทธิ์เมื่อทำ ฯ
~ สมบัติของลูกผู้หญิงคือความละอาย   สมบัติของลูกผู้ชายคือความอดทน ฯ
~ สังขารจะสวยต้องหมั่นขัดสี   คนจะดีต้องหมั่นฟังเทศน์ ฯ
~ สังคมมีภัยเพราะประชาชนไร้ธรรม   สังคมเสื่อมทราบเพราะผู้นำไร้ศีล ฯ
~ หากศีลธรรมสิ้น  ปฐพินจะลุกเป็นไฟ ฯ
~ สิ่งแวดล้อมปลอดพิษ ไทยทั่วทิศปลอดภัย ร่วมอนุรักษ์ป่าไม้  เศรษฐกิจทั่วไทยรุ่งเรือง ฯ
~ สิ่งดีงามคือสุขภาพอนามัย   สิ่งร้ายมีภัยคือโรคาพยาธิ ฯ
~ สิ่งที่น่าเสียดายสามสิ่งคือ ไม่ได้ศึกษา  ปล่อยเวลาให้สูญเสียไป และไม่ได้สร้างอะไรไว้เลย ฯ
~ สิบนิ้วของท่านยังไม่เท่า   แล้วอื่นเล่าจะให้เท่ากันนั้นไฉน ฯ
~ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น  สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ  สิบมือคลำไม่เท่าทำเอง          
~ สิบปีแห่งความดียังไม่พอใช้   วันหนึ่งแห่งความชั่วร้ายก็มากเกินไป ฯ
~ สิ้นทรัพย์นั้นไม่เป็นไร  แต่สิ้นกำลังใจเท่ากับสิ้นทุกอย่าง ฯ
~ สี่เท้ายังรู้พลาด  นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง  ก็เราสองเท้าโด่เด่มันก็มีเซลงบ้าง ฯ
~ สี่เท้ายังรู้พลาด  นักปราชญ์ยังรู้ผิด  บรรพชิตยังรู้เผลอ ฯ
เสนียดของชีวิต  อยู่ที่เป็นเท้าพระยาลืมก้น  ต้นไม้ลืมดิน
ปักษินลืมไพร ใครพบก็ไม่รัก  ใครรู้จักก็ไม่นิยม ฯ
~ เสียงดังหน้าแดงแต่แรงไม่ออก  เป็นผู้นำไม่ได้ ฯ
~ เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร  ได้ทองเท่าหัวให้เฉดหัวมันไป ฯ
~ สุภาพชนต่อรองด้วยถ้อยคำ   คนใจต่ำต่อรองด้วยกำลัง ฯ
~ เสียรู้ครั้งหนึ่งพึงจดจำ  อย่าให้เกิดเสียซ้ำเป็นครั้งสอง ฯ
~ เสี้ยวจันทร์ยังมีวันเต็มดวง  คนเราก็ต้องมีช่วงที่จะพบความสำเร็จ ฯ
~ แสวงลาภจากงาน  ดีกว่าบนบานบวงสรวง ฯ
~ แสงทองของท้องฟ้า เกิดได้เพราะดวงอาทิตย์ แสงทองของชีวิต เกิดได้เพราะตัวเราเอง ฯ
~ หญิงงามคือแก้วมณี  หญิงดีคือกรุสมบัติ ฯ
~ หญิงที่เกียจคร้าน  ถึงรูปสวยสะคราญก็สิ้นศรี ฯ
~ หญิงไม่มีผัวเหมือนวัวไม่มีเขา ฯ
~ หน้าร้อนผ่านก็ลืมพัดด้ามน้อย  แต่งงานเสร็จเรียบร้อยก็ลืมแม่สื่อ ฯ
~ หนึ่งเพื่อนแท้เพื่อนชั้นเยี่ยม  ดีกว่าเพื่อนเทียมพันคน ฯ
~ หมากรุกจะเดินยังต้องคิด  หมากชีวิตไม่คิดจะเดินได้อย่างไร ฯ
~ หมากัดคนเป็นเรื่องธรรมดา  แต่คนกัดหมาเป็นข่าว ฯ
~ ห่วงบ้านต้องล้อมรั้ว   ห่วงครอบครัวอย่ามั่วอบายมุขฯ
~ หมื่นแสนบาทหากแม้นเป็นของเขา   ในถุงเราสลึงเดียวยังดีกว่า ฯ
~ หากสูงหมายปองต้องจิต   ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือฯ
~ หากรู้จักใช้จังหวะหุบปากและหยุดลิ้น   ก็เรียกว่ามีศิลปะในการสนทนา ฯ
~ หินลับมีดให้คมเพื่อใช้งาน   ประสบการณ์ลับคนเพื่อให้มีปัญญาและสามารถ ฯ
~ หุงข้าวหวงถ่าน  ทำงานหวงทุน  ทำบุญหวงทรัพย์  นับว่าไร้ประโยชน์ ฯ
~ เหนื่อยก็พัก  หนักก็วาง  ทำจิตให้ว่างจะไม่ต้องแบกโลกไว้ ฯ
~ เหล็กท่านว่าแข็งกระด้าง  เอาเงินง้างอ่อนได้ตามประสงค์ ฯ
~ อกหักเพราะรักร้าง  ดีกว่าอ้างว้างเพราะไร้รัก ฯ
~ อดแทบตายก็อย่าลักอย่าปล้น  ถูกยั่วจนสุดทนก็อย่างก่อคดี ฯ
~ อยากจะดีให้แก้ไข  อยากบรรลัยให้แก้ตัว ฯ
~ อยากรวยต้องขยัน  อยากมีหลักฐานต้องประหยัด ฯ
~ อยากสบายให้ขวนขวายทำดี  อยากเป็นเศรษฐีให้รู้จักประหยัด ฯ
~ อย่าคิดว่าตนนั้นเลว  จนแผ่นดินที่จะเหยียบไม่มี อย่าคิดว่าตัวเองนั้นดี  จนไม่มีใครกล้าแตะต้อง ฯ
~ อย่าทำตัวห่อเหี่ยว  เหมือนข้าวเหนียวค้างคืน ไม่น่าหยิบ ไม่น่ายื่น ไม่น่ากลืนไม่น่ากิน ฯ
~ อย่าคำนึงถึงอดีต   อย่าคิดถึงอนาคต   แต่จงกำหนดปัจจุบัน ฯ
~ อย่าพูดให้ใครช้ำ  อย่าทำให้ใครเจ็บ  อย่าเหน็บให้ใครเคือง ฯ
~ อย่าถือศัตรูเป็นคู่แข่ง  จงไปด้วยแรงของตนเอง ฯ
~ อย่าถ่อมตนกับคนยโส   อย่าวางโตกับผู้ถ่อมตน ฯ
~ อย่าทำใจแข็งเมื่อเขาทุกข์ร้อน   อย่าทำใจอ่อนเมื่อเขายกยอ ฯ
~ อย่าทำตนประดุจน้ำค้างบนยอดหญ้า    ที่พอตะวันผ่านพ้นขอบฟ้าก็เหือดหาย ฯ
~ อย่าลำพองในคำเยินยอของมิตรสหาย   อย่าหวั่นไหวในคำหมิ่นของศัตรู ฯ
~ อย่าสะสมทรัพย์ให้บุตรมากไป  เขาจะเข้าใจว่าไม่ต้องทำงาน  ในอนาคตกาลจะเป็นคนไร้ค่า ฯ
~ อยู่คนเดียวอยู่แค่สิ้นลม   อยู่เพื่อสังคมอยู่คู่ฟ้าดิน ฯ
~ อยู่บ้านช่วยงานพ่อแม่  ลูกที่ดีแท้พ่อแม่ชื่นใจ ฯ
~ อยู่โรงเรียนเคารพคุณครู  เรามีความรู้คุณครูชื่นใจ ฯ
~ อยู่คนเดียวให้ระวังยั้งความคิด  อยู่ร่วมมิตรให้ระวังยั้งคำขาน ฯ
~ อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด  อยู่ร่วมมิตรให้ระวังวาจา  อยู่ร่วมสีกาให้ระวังทุกอย่าง ฯ
~ อันคนดีอยู่ที่ไหนใครก็รัก  จากเขาก็อาลัย   ตายก็มีคนเสียดายคิดถึง ฯ
~ อดีตคือสิ่งที่ผ่าน  อนาคตคือสิ่งที่ฝัน  ปัจจุบันเท่านั้นคือความจริง          
~ อะไรที่ถูกต้องแม้ไม่ถูกใจ   พึงยึดไว้เป็นหลัก ฯ
~ อาหารจำเป็นต่อสังขารฉันใด   สติก็จำเป็นต่อความเคลื่อนไหวของชีวิตฉันนั้น ฯ
~ อาหารแม้จะเลิศรส   แต่ไม่ตรงกับรสนิยมก็หมดอร่อย ฯ
~ อายุสังขารมีประมาณน้อย  อายุยังไม่ทันถึงร้อยก็เป็นผี ฯ
~ อำนาจวาสนา  เป็นที่มาแห่งความกังวล ฯ
~ อุตสาหะตั้งใจ  ใฝ่งาน  บันดาลอะไรก็สำเร็จ ฯ
~ อุปสรรคและปัญหา  เป็นที่มาแห่งความสำเร็จ ฯ
~ เอาน้ำมาสอนปลา   เอาปลามาสอนนก   เอานรกมาสอนเปรต ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น